วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โอมาน เมืองทะเลทรายที่สวยที่สุดในคาบสมุทรอารเบีย 2

ประเทศโอมานเขาใช้ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า The Sultanate of Oman  ในภาษาไทยใช้ว่า" รัฐสุลต่านโอมาน"  ที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยเพราะรัฐสุลต่านมีเพียง 2 แห่งในโลกเท่านั้น อีกแห่งหนึ่งคือ รัฐสุลต่านบรูไน  พอเราไม่คุ้น เราก็เลยเรียกเขาว่าเป็นประเทศโอมานซะเลย ป้าก็จะเรียกเขาอย่างคนคุ้นเคยกันว่าโอมานนะ

ชายฝั่งทะเลของอ่าวโอมาน
                         โอมานตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอารเบีย มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตาด้วยเทือกเขา ฮาร์จา (Hajar Mountain)      ซึ่งเป็นเขาหินแกรนิตที่ทอดตัวตามแนวคาบสมุทรอารเบียมาแต่โบราณกาล ชายฝั่งทะเลจากเหนือสุดที่แหลมเฮอร์มุต (Straits of Hormuz)จรดใต้สุดที่ประเทศเยเมน ชายฝั่งทะเลยาวเยียดถึง 1.700 กิโลเมตร ซึ่งรวมความงามของทะเลอาราเบียนและอ่าวโอมานไว้ทั้งหมด ท้องทะเลดึกดำบรรพ์นี้เป็นที่อยู่อาศัยของปลาโลมา ปลาวาฬ  นักท่องเที่ยวจะเห็นครอบครัวปลาโลมาเป็นร้อย ๆ ตัว     พาลูกตัวเล็ก ๆมาเข้าโรงเรียนฝึกว่ายน้ำ ฝึกจับปลาซาร์ดีนในทะเลไกล้กรุงมัสกัต  สามารถเห็นได้เป็นปกติเพียงออกจากฝั่งไม่ถึง 10 นาที เท่านั้นเอง    และชายฝั่งทะเลอันสวยงามแฝงไว้ด้วยความลึกลับนี้ ยังมีปริศนาให้มนุษยชาติสงสัยว่าเหตุใดเต่าทะเลยักษ์             (Gian Green Turtles) จำนวนมากกว่า 20.000 ตัว จึงอพยพจากทะเลแดงและชายฝั่งทิศตะวันออกของประเทศอัฟริกา แล้วมาเลือกเอาชายฝั่งทะเลโอมานเป็นแหล่งวางไข่

ฝูงปลาโลมาพาลูกมาเรียนว่ายน้ำจับปลาที่อ่าวโอมาน

แม่เต่าวางไข่ที่หาดทรายมาแต่ดึกดำบรรพ์

เต่าจะกลับมาวางไข่ที่หาดทรายที่เขาเห็นแสงทองจากดวงอาทิตย์ครั้งแรกของเขาเสมอ นั่นแปลว่า ลูกเต่าที่เกิดที่นี่ เมื่อโตเป็นแม่เต่า ก็จะต้องกลับมาวางไข่ที่นี่  เขาจำทะเลที่นี่ได้อย่างไรเรายังสงสัยกันอยู่

                           นอกจากทะเลและภูเขาแล้ว โอมานยังมีทะเลทรายวาฮีบา ( Wahiba Desert) อันมีชื่อเสียง  ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ อาณาเขตติดต่อกับซาอุดิอารเบีย ทางตอนเหนือติดต่อกับ UAE. หรือ สหรัฐอาหรับอิมิเรต  ในฤดูหนาวนักท่องเที่ยวนิยมตั้งแคมป์ในทะเลทรายเรียกว่า ( Desert Camps)


                           โอมาน เป็นเมืองที่รุ่งเรืองมาแต่อดีต เป็นเมืองเริ่มต้นของกองคาราวานอูฐ ขนส่งสินค้าอันทรงค่าเช่นยางหอม Frankincense ที่พระนางชีบา หลงไหล เส้นทางขนส่งสินค้า เครื่องเทศ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับเมืองที่รุ่งเรืองในอดีตที่อยู่ในยุคเดียวกัน เช่น บาบิโลน กรีซ เจรูซาเล็ม คาร์ทูม และ ดาร์มัสกัต โอมานตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกตมาจนถึงปี 1650 จึงสามารถต่อสู้และขับไล่โปรตุเกตออกนอกประเทศได้ และสามารถปกครองตนเองเรื่อยมา โดยไม่เคยตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของประเทศมหาอำนาจใดใด ในยุคล่าอาณานิคม ทำให้ชาวโอมานหยิ่งและภาคภูมิในชาติภูมิของตนเองยิ่งนัก
                               โอมานยุคใหม่ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีคริสตศักราช 1970 เมื่อสุลต่านการ์บูส์ ( Sultan Qaboos) ครองอำนาจหลังจากรัฐประหารชิงอำนาจจากพระบิดาสำเร็จ สุลต่านพัฒนาประเทศทุกด้านอย่างรวดเร็วจากเงินที่ได้จากน้ำมันดิบและก็าซธรรมชาติ มีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิ์ราชสมบูรณ์แบบ ประชาชนมีเพียงประมาณ 3 ล้านคน นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน คนงานส่วนใหญเป็นชาวอินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
                                โอมาน แบ่งการปกครองออกเป็น 8 รัฐ ได้แก่
                                1.  Muscat กรุงมัสกัต เป็นเมืองหลวงของโอมาน ศูนย์รวมธุรกิจการค้า การก่อสร้าง ความเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุด
                                 2 Batinah  เป็นรัฐทางตอนเหนือของโอมาน เมืองหลวงของรัฐคือเมือง Sohar ที่เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญมาในอดีต มีชายฝั่งทะเลยาวไปจรด UAE.
                                 3Dara  เป็นเขตทะเลทรายที่ว่างเปล่า มีผู้คนอาศัยอยู่น้อยมาก
                                 4Dakhliyah เป็นรัฐทางตอนกลาง มี Nizwa เป็นเมืองหลวง ปกครองโดย Imamm ประชาชนเคร่งครัดในขนบประเพณีมุสลิมอย่างยิ่ง
                                  5. Sharqiyah มีเมือง Sur เป็นเมืองหลวง ครอบครองอาณาเขตของ Wahiba Desert โดยส่วนใหญ่ไว้ เป็นถ่ินที่อยู่อาศัยของ "เบดูอิน" ซึ่งเป็นชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยในทะเลทราย เป็นเจ้าของคาราวานอูฐ
                                 6. Dhofar ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกตามเทือกเขา Rub al Khali อาณาเขตติดต่อกับประเทศเยเมน มี Salala เป็นเมืองหลวง
                                 7. Al Wusta มี Mahout เป็นเมืองหลวง ประชากรมีเพียง 8.000 คน มีพื้นที่ติดทะเลอาราเบียน สัตว์สงวนที่มีชื่อเสียง เช่นนกฟรามิงโกก็อาศัยอยู่ที่นี่
                                  8. Musandam เป็นรัฐที่ตั้งอยู่บนแหลมเฮอร์มุต ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของโลกในการเดินเรือ มี Khasab เป็นเมืองหลวง 

กษัตริย์สเปนสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการ



กษัตริย์ฆวน คาร์ลอส แห่งสเปนทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อ 18 มิ.ย.2557 ส่งผลให้เจ้าชายฟิลิเป้ ที่ 6 มกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะจัดขึ้นในวันนี้
 
19 มิ.ย. 2557 breakingnews.nation รายงานว่า กษัตริย์ฆวน คาร์ลอส แห่งสเปนทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวาน (18 มิ.ย.2557) ส่งผลให้เจ้าชายฟิลิเป้ ที่ 6 มกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะจัดขึ้นในวันนี้
 
สมเด็จพระราชาธิบดี ฆวน คาร์ลอส ซึ่งมีพระชนมายุ 76 พรรษา ทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการแล้ว หลังทรงลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายรับรองการสละราชสมบัติและการสืบสันตติวงศ์ที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ภายในพระราชวังในกรุงมาดริดเมื่อคืนวาน ถือเป็นการสิ้นสุดการครองราชย์ที่ยาวนาน 39 ปีเมื่อหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมาตามเวลาสเปน พระองค์ทรงประกาศแผนการสละราชบัลลังก์ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.ด้วยเหตุผลด้านพระพลานามัย เพื่อให้เชื้อพระวงศ์รุ่นใหม่เข้าบริหารประเทศ
 
เจ้าชายฟิลิเป้ ที่ 6 มกุฎราชกุมาร สืบราชบัลลังก์ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะจัดขึ้นภายในอาคารรัฐสภาในวันนี้ด้วยความเรียบง่าย เนื่องจากสเปนเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ พระองค์จะทรงปฏิญาณต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาว่าจะทรงพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จากนั้นจะทรงประทานพระปฐมบรมราชโองการ แล้วกษัตริย์พระองค์ใหม่และพระราชินีเลติเซียจะเสด็จตรวจพลสวนสนามของกองทัพสเปนที่หน้ารัฐสภา และเสด็จไปยังพระราชวัง
 
ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวราชวงศ์สเปนเชื่อมั่นว่า กษัตริย์ฟิลิเป้ ที่ 6 ทรงผ่านการเตรียมพร้อมอย่างดีเพื่อปกครองประเทศ พร้อมกับชื่นชมว่าพระองค์ทรงมีเหตุผล สุขุม และรับฟังผู้อื่น ส่วนพระชายา เลติเซีย วัย 41 ปี เป็นสามัญชนและอดีตพิธีกรโทรทัศน์ และสื่อสเปนยกย่องให้พระองค์เป็นพระราชินีชนชั้นกลาง
 
ส่วนบรรยากาศในกรุงมาดริดเต็มไปด้วยความคึกคักเพื่อเตรียมต้อนรับกษัตริย์และพระราชินีพระองค์ใหม่ ร้านค้าต่างๆเริ่มจัดทำของที่ระลึกสำหรับต้อนรับกษัตริย์และพระราชินีองค์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีการประดับดอกไม้และธงชาติตามสองข้างถนนทั่วกรุงมาดริดเพื่อร่วมเฉลิมฉลองด้วย
 
แต่ในช่วงแรกหลังกษัตริย์คาร์ลอสทรงประกาศว่าจะสละราชบัลลังก์เมื่อต้นเดือน มีประชาชนในหลายเมืองออกมาเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดประชามติว่าควรยกเลิกระบอบกษัตริย์หรือไม่


ความเป็นมาของชื่อสามเหลี่ยมทองคำ



จากที่เห็นเครื่องหมาย     ในแผนที่ หมายถึง บริเวณที่มีการปลูกฝิ่นมากของสามประเทศคือ ประเทศไทย ประเทศเมียนมาร์(พม่า) และประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศมากจะเป็นเทือกเขาสูง เมื่อมองจากแผนที่จะดูคล้ายรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีจุดศูนย์กลางคือ จุดที่เขตแดนของทั้งสามประเทศมาจรดกัน (โดยมีแนวแม่น้ำ 2 สาม คือ แม่น้ำโขง และแม่น้ำรวก เป็นเส้นกั้นเขตแดน) พื้นที่ฝั่งประเทศไทย คือ บ้านสบรวก* ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ฝั่งประเทศเมียนมาร์(พม่า) คือ บ้านผักฮี้ ต.เมืองพง อ.ท่าขี้เหล็ก จ.เชียงตุง และฝั่งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คือ บ้านกว๊าน เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว

            การซื้อขายฝิ่น (ซึ่งมีราคาแพงจนได้ฉายาว่า “Black Gold” หรือ “ทองดำ”) แต่เดิมมักใช้ทองคำเป็นตัวแลกเปลี่ยน บริเวณนี้ในอดีตจึงมีทองคำแพร่หลายมาก และเนื่องจากมีการหักหลังกันบ่อย โดยการยัดไส้ การแลกเปลี่ยนกันจึงต้องมีการผ่าพิสูจน์ ทั้งก้อนฝิ่นและก้อนทองคำ ต่อหน้ากันทั้งสองฝ่าย

            เหล่านี้จึงอาจเป็นที่มาของชื่อ “สามเหลี่ยมทองคำ” หรือ “Golden Triangle” ลักษณะชายแดน 3 ประเทศมาจรดกัน ที่เรียกว่า “สามเหลี่ยม” นี้ มีมากกว่าสิบแห่งในโลก แต่แห่งไหนไม่โด่งดังเท่า “สามเหลี่ยมทองคำ” เพราะ สามเหลี่ยมนี้มี “ฝิ่น”

            *คำว่า “สบรวก” หมายถึง แม่น้ำรวก มาพบหรือมาสบกับแม่น้ำโขงหรืออาจ หมายถึง ปากแม่น้ำรวก เพราะว่าภาษาไทยใหญ่คำว่า “สบ” แปลว่า “ปาก”


วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สนามกอล์ฟดอนเมือง สนามกอล์ฟแปลกที่สุดในโลก


 หลุม 9 ตรงหัวงูครับ
 สนามกอล์ฟกานตรัตน์ หรืออีกชื่อหนึ่งที่เพื่อนๆ นักกอล์ฟเรียกกันคือสนามงู  ที่มีชื่อว่าสนามงูด้วยเพราะเลย์เอาท์สนามมีรูปร่างยาวตรงหลุม 9 หักมุมออกมาเลยเหมือนหัวงู  ที่มีความยาวอย่างเดียวไม่เลี้ยวไปไหนเลยก็เพราะมันตั้งอยู่ระหว่าง 2 รันเวย์ของสนามบินครับ  เพราะฉะนั้นแฟร์เวย์จะแคบกว่าสนามกอล์ฟที่ควรจะเป็น
จะเห็นว่าสนามกอล์ฟอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยรันเวย์ทั้ง 2
  • เป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกที่ครบ ๑๘ หลุม ของกรุงเทพฯ และเป็นสนามที่ ๒ ของประเทศไทย รองจากสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน (วัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว)
  • เคยใช้แข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์โอเพ่น ติดต่อกันถึง ๗ ครั้ง (ในปี ๒๕๐๘ - ๒๕๑๒๒๕๑๔ และ ๒๕๑๕)
  • เป็นสนามกอล์ฟอันดับ ๓ ใน ๑๐ ของโลกที่น่าเล่นเพราะแปลก และสำนักข่าว CNN เคยนำเสนอข่าวว่าเป็นสนามกอล์ฟแห่งเดียวในโลกที่อยู่ระหว่างทางวิ่งของสนามบิน น่าจะอนุรักษ์ไว้
ด้านซ้ายมือคือคือส่วนที่เรียกว่าหัวงุครับ เป็นหลุม 9
เสน่ห์ของที่นี่ก็ตรงมันอยู่ในสนามบินนี่แหละครับ  เสียงของเครื่องบินดังมากก็แปลกดีเพราะเวลาเล่นกอล์ฟต้องใช้สมาธิพอสมควร  แต่ที่นี่ไม่ต้องมีแล้วครับดังก็ดังหวดกันไปเลยสนุกกันไปอีกแบบ  แล้วตอนที่เราจะต้องเดินไปเล่นหลุมถัดไปก็จะมีเส้นทางให้เครื่องบินเข้าไปจอดตัดผ่านแฟร์เวย์  ถ้าตอนนั้นมีเครื่องบินมาเราก็ต้องรอให้เครื่องบินไปก่อนก็จะมีไม้กันเหมือนไม้กั้นรถไฟนั่นแหละครับขวางไว้ 
และถ้าขณะเล่นมีฟ้าคะนองรับรองว่าคุณต้องหยุดเล่นแน่นอน  เพราะแคดดี้จะไม่ยอมออกมาเดินเด็ดขาด  เนื่องจากในสนามบินมีสายล่อฟ้าเต็มไปหมด  ฟ้าจะลงกันเปรี้ยงๆ

คริส แฮดฟิลด์

   



คริส แฮดฟิลด์ นักบินอวกาศชาวแคนาดา ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ต จากการเผยแพร่คลิปวีดีโอชีวิตประจำวันของเขาบนสถานีอวกาศนานาชาติ ประกาศเตรียมปลดเกษียณตัวเองจากการทำงานรับใช้รัฐบาล ภายในเวลา 1 เดือนข้างหน้านี้ 
 
นายคริส แฮดฟิลด์ นักบินอวกาศประจำองค์การอวกาศแคนาดา ออกแถลงข่าวที่นครมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ประกาศว่า เขามีแผนที่จะปลดเกษียณตัวเองจากการทำงานให้กับรัฐบาลแคนาดา และกลับไปใช้ชีวิตตามความสนใจส่วนตัวภายในเวลา 1 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากที่เขาได้มีโอกาสอุทิศตนเองรับใช้รัฐบาลแคนาดามาเป็นเวลานาน 35 ปี
 
นายแฮดฟิลด์ บอกว่า สาเหตุที่เขาต้องประกาศลาออกจากองค์การอวกาศแคนาดาในครั้งนี้ ก็เพื่อทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับภรรยาเมื่อ 30 ปีก่อน โดยทั้งคู่ต้องการกลับไปลงหลักปักฐานในแคนาดา และเริ่มต้นชีวิตใหม่ร่วมกันในแบบที่ไม่ต้องรอนแรมไปตามสถานที่ต่างๆเหมือนที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ นายแฮดฟิลด์ ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 53 ปี กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกโซเชียล มีเดีย หลังจากเขากลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ถ่ายทำมิวสิควีดีโอในเวอร์ชั่นไร้แรงโน้มถ่วงจากสถานีอวกาศนานาชาติ รวมถึงทวีตภาพ และข้อความต่างๆเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติมาให้ผู้คนบนโลกรับรู้ ในจำนวนนี้รวมถึง คลิปวีดีโอสาธิตวิธีการทำอาหาร และตัดผมในอวกาศ
 
การประกาศเกษียณตนเองครั้งนี้ของนายแฮดฟิลด์ เกิดขึ้นหลังจากเขาเพิ่งเดินทางกลับสู่พื้นโลก ที่ประเทศคาซักสถาน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากใช้ชีวิตอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลานาน 5 เดือน โดยนายแฮดฟิลด์ ยังนับเป็นนักบินอวกาศคนแรกของแคนาดา ที่ได้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการสถานีอวกาศนานาชาติอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สถานที่ท่องเที่ยว ดูไบ

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 

ดูไบเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ และสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัย แต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า ซุก (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็ย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ

          นอกจากนี้ หากมาดูไบและไม่ได้พูดถึงหรือไม่ได้มาเดินแถว Gold Souk ก็ถือว่าไม่ได้มาถึงดูไบ เพราะที่นี้ถือเป็นตลาดทองรูปพรรณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ขอเตือนว่าหากมาเดินย่านนี้คงต้องสวมแว่นกันแดดติดตามาด้วย เพื่อความปลอดภัยของสายตาท่าน (ก็แสงแดดที่ส่องสะท้อนมายังทองดูไบดูแล้วเจิดจ้าบาดตาจริงๆ) อะๆ ดูไบไม่ได้มีสถานที่เที่ยวเท่านี้นะ แต่จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันดี... 





  
  
หมู่เกาะต้นปาล์ม

          หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali 

 

อาคารเบิร์จดูไบ

          เบิร์จดูไบ (ภาษาอาหรับ: برج دبي , Burj Dubai - หอคอยดูไบ) เป็นตึกระฟ้าสูงยวดยิ่ง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในย่านกลางเมืองดูไบ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะถูกจัดเป็นอาคารระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก กำหนดให้เข้าใช้งานได้ในต้นปี พ.ศ. 2552 ณ โดยจะสร้างให้มีความสูงประมาณ 818 เมตร ในดูไบยังมีโครงการก่อสร้างตึกในชื่อว่า อัลเบิร์จ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบและวางแผน โดยความสูงยังคงถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน โดยประมาณการว่าอาจจะสูงอย่างน้อย 800 เมตร

          การตกแต่งภายในจะบ่างออกเป็นโรงแรมอาร์มานี 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นออฟฟิศสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ และตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 40 ไมล์/ชั่วโมง) 

   

เบิร์จอัลอาหรับ

          เบิร์จอัลอาหรับ (ภาษาอาหรับ: برج العرب , Burj al-Arab) เป็นโรงแรมหรูหราและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 321 เมตร (1,053 ฟุต) โดยตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยเชื่อมต่อกับฝั่งผ่านทางสะพาน เบิร์จอัลอาหรับเป็นเจ้าของโดย จูเมราฮ์ การก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยตัวตึกออกแบบมีลักษณะคล้ายเรือใบ dhow ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ

          ส่วนห้องในโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับมีลักษณะเป็นห้องสวีตคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตารางเมตร (1,819 ตารางฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตารางเมตร (8,396 ตารางฟุต) และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ $1,000 -$15,000 ต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา $28,000 ต่อคืน

ถนน Al Fahidi 

          ถนน Al Fahidi ตั้งอยู่ใจกลางซุก Bur Dubai เป็นศูนย์กลางร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ โฮมเธียร์เตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ถ่ายรูป ซึ่งเสนอขายในราคาย่อมเยาว์

Al Nasr Leisureand

          ตั้งอยู่บริเวณ Bur Dubai ห่างจากถนน Zabeel เป็นสวนสาธารณะที่ทันสมัยแห่งหนึ่ง ผุ้ชื่อชอบการเล่นกีฬาจะต้องถูกใจเป็นพิเศษ เพราะสวน Zabeel นี้ มีทั้งลู่สำหรับโยนโบล์ลิ่ง พื้นน้ำแข็งราบสำหรับเล่นสเก๊ต และสระว่ายน้ำ รวมไปถึงสวนสนุกสำหรับเด็ก เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.

Bait Al Wakeel

          สร้างขึ้นในปี 1934 โดยท่านชีคราชิด ซึ่งเป็นผู้ครองรัฐองค์ที่แล้ว ถือว่าเป็นตึกทางการแห่งแรกของดูไบโดยในปัจจุบันได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัด แสดงความเป็นมา และวิถีชีวิตของชาวประมง

Bani Yas Square 
 สิ่งที่เห็นได้ชัดในบริเวณ Bani Yas Square คือ หอ Deira ที่มีลักษณะยอดบนเป็นวงกลม บริเวณจัตุรัสจะมีสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนุ่งหุ่ม และ สินค้าบริโภคทั้งหลายให้คุณต่อรองราคากันได้

พิพิธภัณฑ์ดูไบ

          ด้านในของพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นด้านบนและด้านล่าง ด้านบนจะเป็นแบบจำลองกำแพงหินและกระท่อมแบบชาวพื้นเมืองเก่าๆ สำหรับด้านล่างหรือชั้นใต้ดินจะกว้างใหญ่และลึกลับซับซ้อนมาก มีทั้งภาพวาดสีน้ำของดูไบในอดีต การจัดหุ่นนิ่งแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง มีการจำลองบรรยากาศใต้ทะเลโดยใช้แสงสีจำลอง ทำให้เห็นภาพของชาวดูไบในอดีต นอกจากนี้ ยังมีห้องแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาการโบราณแบ่งซอยออกไปอีก โดยจัดแสดงพัฒนาการของตัวเลขและตัวอักษรอาระบิก รวมไปถึงการเรียนรู้วิชาดาราศาสตร์และเรื่องราวของทะเลทราย

Bastakiya 

          ย่าน Bastakiya เป็นย่านที่เรียกได้ว่าเป็นย่านเมืองเก่าถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม และ แกลอรี่ศิลปะ ของที่นี่เลยทีเดียว บริเวณดังกล่าวนี้เป็นเพียงทางแคบๆ โดยมีหอกังหันลมตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ทำให้นึกย้อนไปในอดีตที่บริเวณ Bastakiya นี้มักจะเต็มไปด้วยหอกังหันลม ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณที่เรียกว่า The Creek ซึ่งหอกังหันลมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยประดับประดาตกแต่งย่าน Bastakiya ให้สวยงามน่าชมแล้ว ยังช่วยให้บรรเทาความร้อนให้กับบ้านเรือนที่ตั้งอยู่แถวนั้น ก่อนที่จะมีไฟฟ้าใช้อีกด้วย

สวนสัตว์ดูไบ

          ถึงแม้ว่าสวนสัตว์ของดูไบ ที่ตั้งอยู่บนถนน Jumeirah Beach จะเล็กไปบ้าง แต่เชื่อได้ว่าคุณต้องรู้สึกทึ่ง กับบรรดา สัตว์หลากหลายชนิดอาศัยที่อยู่ในนี้ เพราะนอกจาก คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับนกนานาประเภทแล้ว

          คุณยังต้องรู้สึกตื่นเต้นไปกับสัตว์น้อยใหญ่ รวมไปถึงสัตว์ที่มาจากต่างประเทศด้วย


Shiekh Zayed Road 

          เทียบได้กับย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองแมนฮัตตัน เป็นเขตการค้าของเมือง ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงระฟ้า เป็นสถานที่ตั้งของตึก World Trade Centre และ โรงแรม Emirates Tower 

The Creek 

          เป็นจุดชมทิวทัศน์ มีลักษณะเป็นท่าเรือที่ตัดผ่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์และเป็นย่านชุมชนใน ดูไบ The Creek เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมวิวทิศทัศน์ ยิ่งผู้ที่สนใจวัฒนธรรมและประเพณีของผู้คนชาติต่างๆ จะต้องรู้สึกชื่นชมและประทับใจกับภาพทั้งสองฟากฝั่ง โดยเฉพาะภาพที่นกนางนวลหลายร้อยตัวบินโฉบฉวัดเฉวียนผ่านเรือสัญจร หรือที่เรียกว่า เรือเดา (dhow) มีลักษณะเป็นเรือใบเสาเดียวทีชาวอาหรับใช้เป็นพาหนะที่แล่นผ่านไปมา มีพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่ค่อยๆ ลดแสงลง เป็นฉากหลัง 

          คุณสามารถล่องเรื่อข้ามฟากชื่นชมสองฝั่งของดูไบได้ ตรงท่าขึ้นเรือตรงข้ามกับโรงแรมคอนติเนนตัลในฝั่ง Deira และ ตรงข้ามกับซุกเก่าในเขต Bur Dubai และที่กับภาพความสวยงามเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือตรงจุดที่เรียกว่า abra ซึ่งเป็นทางเข้าทางน้ำเล็กๆ กั้นระหว่างซุก Deira กับด้าน Bur Dubai และหากคุณล่องเรือไปจนสุดปลายอ่าว คุณจะเห็นทะเลสาบบนเกาะหินปะการังขนาดใหญ่และเป็นที่ตื้นเขิน ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นที่อพยพของสัตว์ โดยเฉพาะนก ที่ในฤดูหนาวจะอพยพมาตั้งหลักแหล่งในคราวเดียวกันถึง 27,000 ตัว โดยเฉพาะนกฟลามิงโกใหญ่ 

 

Wild Wadi 

          ถัดจากโรงแรม Jumerah Beach ไปไม่ไกลนัก คุณจะได้พบกับสวนน้ำติดอันดับหนึ่งของโลกที่มีขื่อว่า Wild Wadi ที่นี่คุณจะได้พบกับเครื่องเล่นที่เร้าใจและสนุกสนานเพลิดเพลิน แนะนำเครื่องเล่น Log River, Ring Ride, Flood River, Wave Pool, Flow Rides และอื่นอีกมาก 

จางเจียเจี้ย เมืองจีน

จางเจียเจี้ย เป็นเมืองเอกทางภาคใต้ของจีนอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน

        อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนมาตั้งแต่ปี 1992 เนื้อที่กว่า 9,500 ตารางกิโลเมตรของอุทยาน เต็มไปด้วยแท่งภูเขาหินทราย สูงขึ้นฟ้ามากกว่า 3,000 ยอด สะพานหินตามธรรมชาติ น้ำตก ถ้าใหญ่น้อยกว่า 40 แห่ง นอกจากภูเขา สายน้ำและพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์แล้ว ถ้ำในบริเวณ จางเจียเจี้ยมีจำนวนมาก และขนาดใหญ่ ต่างมีเอกลักษณ์ และ ชื่อเรียกต่างกัน เช่น ถ้ำหวงหลงหรือถ้ำมังกร เหลือง ถ้ำกวนอิม ถ้ำเสี่ยงสุ่ย เป็นต้น ในบรรดาถ้ำเหล่านี้ ถ้ำหวงหลงหรือถ้ำมังกรเหลืองในหุบเขาสั่วซีมีความยาว 7.5 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็น 4 ชั้น ภายในถ้ำมีอ่างเก็บน้ำ แห่งหนึ่ง ธารน้ำสองสาย น้ำตกสามแห่ง สระน้ำ 4 แห่ง ห้องโถง 13 แห่งและมีระเบียง 96 สาย 

        ธารน้ำแส้ทองหรือจินเปียนซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งในวนอุทยานจางเจียเจี้ย โดยมีความยาวทั้งหมด 8 กิโลเมตร และมีขุนเขารูปลักษณ์ตระการตากว่า 400 ลูก ก้าวหนึ่งมีวิวหนึ่ง วิวหนึ่งมีภาพหนึ่ง เป็นภาพที่ไม่ซ้ำกัน เดินท่องไปตามริมธารน้ำแส้ทอง สัมผัสอากาศเย็นสบายสดชื่น ทำให้กระปี้กระเปร่า"ธารน้ำแส้ทองมีภูหินผาสูงจากพื้นกว่า 350 เมตร รูปลักษณ์ของหินผาลูกนี้เหมือนแส้ซึ่งเป็นอาวุธโบราณชนิดหนึ่ง จึงได้ชื่อว่า หินผาแส้ทอง เนื่องจากมีซิลิกอนไดอ็อกไซด์ผสมอยู่ในเนื้อ หิน เมื่อแสงแดดสาดส่อง จะมีแสงสะท้อนเป็นสีทอง" 

         อู่หลิงหยวนถูกสำรวจพบเมื่อปลายศตวรรษที่แล้ว ในยุคปี 80 ในครั้งที่ไม่เคยมีมนุษย์บุกรุกมาก่อน สถานที่นี้มีเพียงเสาหินทรายและยอดเขาประหลาด ที่พบได้ยากมากใน ธรรมชาติทั้งในและต่างประเทศ ด้วยยอดเขาสูงเสียดฟ้า 3,000 กว่ายอด ทั้งที่เป็นผาสูงชัน ยอดเขาสูง บางยอดเป็นที่ราบเรียบ กระจายอยู่ทั่วอาณาบริเวณกว่า 360 ตารางกิโลเมตร หมู่เสาหินและยอดเขาหินทรายแหลมเล็กสูง 200 เมตรขึ้นไป ตั้งตระหง่านสลับซับซ้อน แผ่กระจายดั่งท้องทุ่งเสาหินกว้างไกลสุดสายตา ทางตอนเหนือของเมืองจางเจียเจี้ย ในมณฑลหู หนัน คือทัศนียภาพแปลกตาที่สุด ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขตทิวทัศน์ธรรมชาติอู่หลิงหยวนท่ามกลางดงยอดเขายังมีลำธารน้ำเซาะ สายน้ำตก สระน้ำซุกซ่อนอยู่เบื้องล่าง กอปรกับหุบเขาและ ชะโงกผาที่วางตัวสลับกันไปมา ก่อเกิดถ้ำหินกว่า 40 แห่ง และสะพานหินธรรมชาติขนาดใหญ่อีก 2 สะพาน ลึกลงไปในทัศนียภาพที่แปลกตาน่ามหัศจรรย์เหล่านี้ เขตทิวทัศน์ฯอู่หลิง หยวนยังเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ที่น่าสนใจอีกด้วย เขตทิวทัศน์ธรรมชาติอู่หลิงหยวนยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนของป่ายุคดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์  เนื่องจากปรากฏไม้โบราณ อาทิ ต้นอิ๋นซิ่ง(เฮงยิ๊น) สูงเกือบ 50 เมตร กว้าง 1.59 เมตร ต้นก่ง ไม้หายากอันดับหนึ่งที่อยู่ภายใต้การอนุรักษ์ของประเทศจีน ไม้หอม และสนอู่หลิงซึ่งขึ้น กระจายอยู่ทั่วเขตนี้ สำหรับสัตว์หายากนั้น ได้แก่ ลิงกัง ซึ่งพบมากกว่า 300 ตัว จิ้งจกยักษ์ ไก่ฟ้าท้องเหลือง เสือดาว และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังกว่า 50 ตระกูล 116 ชนิด ทั้งนี้เป็นสัตว์ ที่อยู่ในรายชื่อสัตว์อนุรักษ์ระดับ 1 และ 2 ของประเทศถึง 13 
ชนิด




หลี่ น่า

Li Na Photo by Sascha Grabow.jpg

หลี่ น่า (จีน李娜พินอินLǐ Nà) เป็นนักเทนนิสหญิงชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ปัจจุบันเป็นนักเทนนิสหญิงมืออันดับ 2 ของโลก จัดอันดับโดยดับเบิลยูทีเอ [1] หลี่ชนะรายการเทนนิสหญิงเดี่ยวในระดับดับเบิลยูทีเอมาแล้ว 7 ครั้ง และระดับไอทีเอฟ 19 ครั้ง
หลี่เป็นผู้ชนะเลิศเทนนิสเฟรนช์โอเพน รายการระดับแกรนสแลมด์ประเภทหญิงเดี่ยวประจำปี 2011 [2] โดยเอาชนะฟรานเชสกา สเคียโวเนจากอิตาลีในรอบชิงชนะเลิศ 6–4, 7–6(0) เป็นนักเทนนิสชาวเอเชียคนแรกที่ชนะเลิศเทนนิสแกรนด์สแลม [3] ก่อนหน้านั้นเธอเคยพ่ายแพ้คิม ไคลจ์สเตอร์ในรอบชิงชนะเลิศเทนนิสออสเตรเลียนโอเพนประจำปี 2011 ทำให้เธอเป็นนักเทนนิสชาวเอเชียคนแรกที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเทนนิสแกรนด์สแลม และเธอยังคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขัน ต่อมาในเทนนิสออสเตรเลียนโอเพนประจำปี 2013 เธอก็สามาจผ่านเข้ารอบชีงชนะเลิศอีกคั้งแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับคู่ปรับอย่างวิคตอเรีย อซาเรนกาไปอย่างน้าเสียดายทั้งที่นำคู่แข่ง 1-0 แซต และ พ่ายไปด้วยสกอร์ 6–4, 4–6, 3–6. แต่อย่างไรก็ตามในแกรนสแลมด์หญิงเดียวรายการแรกของปี 2014 เทนนิสออสเตรเลียนโอเพน ประจำปี 2014 หลี่ นา เธอก็กลับมาแก้ตัวใหม่อีกครั้งด้วยกานคว้าแชมป์รายการนี้เป็นคั้งแรก และ เป็นแกนสแลมด์ที่สองในกานเล่นเทนนิสอาชีบของเธอโดยการหวดเอาชนะคู่ชีงอย่าง โดมินิกา ซิบุลโควาไปอย่างขาดลอย 2-0 แซต ด้วยสกอร์ 7-6 ไทเบรก 7-3 และ 6-0. ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 เธอได้อันดับ 4 ในการแข่งขันเทนนิสประเภทหญิงเดี่ยว 

สถิติการแข่งขันอาชีพ

โอลิมปิก หญิงเดี่ยว รอบชิงเหรียญทองแดง (1)

(อันดับ 4)

ผลลัพธ์ปีรายการพื้นผิวคู่แข่งในรอบชิงผลการแข่งขัน
อันดับที่ 42551ประเทศจีน กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงปักกิ่งคอนกรีตรัสเซีย เวรา ซวอนนาเรวา0–6, 5–7

แกรนด์สแลม หญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ (4)

(2 ชนะเลิศ - 2 รองชนะเลิศ )

ผลลัพธ์ปีรายการพื้นผิวคู่แข่งในรอบชิงผลการแข่งขัน
รองชนะเลิศ2554ออสเตรเลีย ออสเตรเลียน โอเพนคอนกรีตเบลเยียม คิม ไคลจ์สเตอร์ส6–3, 3–6, 3–6
ชนะเลิศ2554ฝรั่งเศส เฟรนช์โอเพนดินอิตาลี ฟรานเชสกา สเคียโวเน6–4, 7–6(7–0)
รองชนะเลิศ2556ออสเตรเลีย ออสเตรเลียน โอเพนคอนกรีตเบลารุส วิคตอเรีย อซาเรนกา6–4, 4–6, 3–6
ชนะเลิศ2557ออสเตรเลีย ออสเตรเลียน โอเพนคอนกรีตสโลวาเกีย โดมินิกา ซิบุลโควา7-6(7-3), 6-0

แกรนด์ดัชเชสโอลกา นีคะลายีฟนา แห่งรัสเซีย

แห่งรัสเซีย
Olgachair.jpg

พระนามโอลกา นีคะลายีฟนา
พระอิสริยยศแกรนด์ดัชเชสแห่งรัสเซีย
ราชวงศ์โรมานอฟ
ข้อมูลส่วนพระองค์
ประสูติ15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2438
ซาร์สเกอยีซีโล, จักรวรรดิรัสเซีย
สิ้นพระชนม์17 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 (22 ปี)
เยกาเตรินบวร์ก, สหภาพโซเวียต
พระราชบิดาซาร์นีคาไลที่ 2 แห่งรัสเซีย
พระราชมารดาซารีนาอะเลคซันดรา
แกรนด์ดัชเชสโอลกา (อังกฤษOlgaรัสเซียВеликая Княжна Ольга Николаевна) เป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์โรมานอฟของจักรวรรดิรัสเซีย เป็นพระราชธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และ สมเด็จพระจักรพรรดินีอเล็กซานดราประสูติก่อนที่พระบิดาจะเถลิงราชสมบัติเป็นซาร์แห่งรัสเซีย ประสูติวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1895 ซึ่งพระองค์เป็นที่โปรดปรานของพระบิดาพระพักตร์งามแบบสาวชาวรัสเซียแท้ มีพระพักตร์คล้ายกับพระบิดามีดวงพระเนตรสีฟ้า พระทัยอ่อน มีอุปนิสัยเงียบขรึม ใบหน้าบึ้งตึ้ง ฉลาด ไม่ขัดใจคน ชอบเข้าช่วยเหลือบุคคลที่มีปัญหาเสมอ อารมณ์แปรปรวนง่ายเหมือนพระมารดา ชอบอ่านหนังสือ ขี้อายเหมือนพระบิดา รักเด็ก เล่นกับน้อง เป็นที่รักของน้อง พระองค์ทรงมีสัตว์เลี้ยงส่วนพระองค์เป็นแมวชื่อวัสกา (vasga) ซึ่งพระองค์มีพระนามเล่นคือ โอลิซกา (olishka) สนิทสนมกับเจ้าหญิงทาเทียนา (Tatiana) พระขนิษฐาองค์ที่ 2 โดยพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1918 ที่เมืองเยคาเทนเบิร์กรัสเซีย สิริพระชนม์มายุได้ 23 พรรษา