วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก

1.ชายหาดสุดระทึก Maho Beach - Saint Martin
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชาย หาดมาโฮ หาดสุดเสียวบนเกาะเซ้นท์มาร์ติน ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เหตุเพราะชายหาดมีอาณาเขตติดกับสนามบิน St Maarten ดังนั้นระหว่างเริงร่าอยู่ริมหาดจะมีเครื่องบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือศีรษะคุณ ให้ระทึกเป็นระยะๆ
2 .ชายหาดเปลือกหอย Shell Beach – Shark Bay, Australia
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชาย หาดเปลือกหอยอยู่ในอ่าวชาร์ก (Shark Bay) ประเทศออสเตรเลีย ชื่อ Shell Beach มาจากการที่มีเปลือกหอยเล็กๆปกคลุมอยู่เต็มหาด ด้วยเพราะน้ำทะเลมีความเค็มสูง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศและพื้นที่เหมาะที่ประชากรหอยจะขึ้นมาอาศัยอยู่
 3 .ชายหาดแก้ว Glass beach – California, America
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชาย หาดแก้วแห่งนี้ เดิมที่เป็นที่ทิ้งขยะของรัฐแคลิฟอร์เนีย หลายสิบปีผ่านไป ขยะที่เป็นเศษแก้วถูกคลื่นซัดสาดหายไป จนกลายเป็นชายหาดแสนสวยอย่าวน่าอัศจรรย์
 4 .ชายหาดสีชมพู Pink Sand Beach – Bahamas
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
หาด ทรายสีชมพูนี้อยู่ในประเทศบาฮามาส สีชมพูนวลดั่งผลท้อนี้แท้จริงคือเปลือกหอยสีชมพูที่แตกละเอียด เมื่อต้องแสงแดดตอนเที่ยงก็ระยิบระยับ ยามพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้าก็ยิ่งขับสีชมพูบนผืนหาดให้ชัดเจน
 5 .หาดทรายสีดำ Punaluu Black Sand Beach – Hawai
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
หาดสีดำที่เกิดจากลาวาที่ไหลทะลักลงสู่ทะเลและเย็นตัวลง อีกทั้งที่นี่ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นชายหาดของเต่าทะเลด้วย
 6. ชายหาดหาดทรายสีเขียว (Green sand beach) – Hawai
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
หาดทรายสีเขียวบนเกาะฮาวาย สีเขียวที่เห็นนั้นเป็นผลึกของหินโอลีวีน (Olivine) หรือแร่ของหินเพริโดไทต์ที่ผสมอยู่ในผืนทราย
 7 .ชายหาดขาวที่สุดในโลก Hyams Beach – Australia
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชายหาดทางตะวันออกของออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการบรรทึกลงใน Guinness Book ว่าเป็นชายหาดที่ขาวที่สุดในโลก ด้วยเม็ดทรายละเอียดเนียนดั่งผงแป้ง เดินเล่นสุดนุ่มเท้า
 8. ชายหาดซากโบราณ Tulum Beach – Mexico
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชายหาดตูลัมบนคาบสมุทรยูคาตาน (Yucatan Peninsula) ประเทศแม็กซิโก กวักมือเรียกนักท่องเที่ยวได้ด้วยซากปรักหักพังของชาวมายาโบราณที่ทำให้หาดแห่งนี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
 9. ชายหาดที่ยาวที่สุดในโลก Coxbazar beach – Bangladesh
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชายหาดที่ได้รับการขนานนามว่ายาวที่สุดในโลกด้วยความยาว 120 กิโลเมตร ส่วนลำดับที่ 2 คือหาดคุจูคุริฮามะ ของประเทศญี่ปุ่นที่มีความยาว 60 กิโลเมตร
 10 .ชายหาดแพนกวินว่ายน้ำ Boulders beach - South Africa
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชายหาดแห่งนี้เป็นบ้านของแพนกวินแอฟริกา เราจะได้เห็นแพนกวินเดินสวนเล่นอยู่หาด บ้างก็ลงไปว่ายเริงร่าโต้คลื่น ดูเพลิดเพลินทีเดียว
 11 .ชายหาดแมวน้ำ Childrens pool beach – America
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
หาดทรายขาวธรรมชาติในซานติอาโก้ ที่เจ้าแมวน้ำอ๋งอ๋งจองเต็มพื้นที่แล้ว คนไม่มีสิทธิ์เข้ามา
12. ชายหาดรถวิ่งได้ Chirihama-Nagisa drive way – Japan
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ปกติชายหาดมีไว้สำหรับให้คนได้ทำกิจกรรมความเพลิดเพลินต่างๆในยามมาเที่ยวทะเล โดยไม่มีรถหรือยานพาหนะใดๆเข้ามาได้ แต่สำหรับที่จิริฮามะ เราสามารถขับรถยนต์, ขี่มอเตอร์ไซด์ เข้าไปชมวิวสวยๆได้ บางทีอาจมีรถบัสคันใหญ่ผ่านเข้ามาด้วย
 13 .ชายหาดออนเซ็น Hot water beach – Newzealand
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชายหาดบนเกาะทางเหนือของนิวซีแลนด์ ยิ่งในช่วงเวลาน้ำลง ผู้คนจะมารวมตัวกันมากมาย และขุดหลุมหาดทรายให้เป็นสปาส่วนตัว
 14 .หาดโขดหิน Moeraki Boulders Beach – Newzealand
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
ชายหาดที่เต็มไปด้วยโขดหินกลมๆ ที่บางก้อนใหญ่และหนักถึง 3 ตันเลยทีเดียว
 15 .ชายหาดและทะเลที่เล็กที่สุดในโลก Playa de Gulpiyuri beach – Spain
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
วิวที่เห็นอยู่นี้อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่มีระยะทางห่างจากชายฝั่ง 100 เมตร นี่ไม่ใช่ทะเลสาบ หากแต่เป็นน้ำเค็ม เป็นทะเลจริงๆ ถ้ำแคบๆที่เชื่อมต่อจากทะเลสามารถดูดน้ำทะเลเข้าไปได้
16. ชายหาดที่เต็มไปด้วยเสาหิน  Giants Causeway Beach, Ireland
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
Giants Causeway Beach นี้เป็นชายหาดที่เต็มไปด้วยเสาหินกว่า 40,000 แท่ง และยังได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1986 บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์เหนืออีกด้วย ใครที่อยากไปเที่ยวที่นี่ต้องระวังหินทิ่มขากันสักหน่อย
17. ชายหาดในถ้ำ Cave Beach in Algarve, Portugal
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
นี่คือความสวยงามของถ้ำทะเลในโปรตุเกส เป็นอีกชายหาดหนึ่งที่ไว้มาชิลล์ๆ เบาๆ ชมความสวยงามของทะเลโปตุเกส
18. ชายหาดธารน้ำแข็งเย็นสุดขั้ว Jokulsarlon, Iceland
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
18 ชายหาด แปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป !!
โจกุลซาลอน เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์อยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ (Skeftalfell National Park) และเมืองฮอฟน์ (Höfn) นักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นี่จะเห็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ที่ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบน และไหลลงสู่ทะเล 

แผ่นดินไหวเนปาล


ครบ 1 เดือน แผ่นดินไหวเนปาล ผู้คนยังหวาดผวา-หวั่นฤดูมรสุมซ้ำอีก

ครบ 1 เดือน แผ่นดินไหวเนปาล ผู้คนยังหวาดผวา-หวั่นฤดูมรสุมซ้ำอีก

ครบรอบ 1 เดือนเหตุแผ่นดินไหวเนปาล แต่สภาพความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยยังไม่ดีขึ้น ประชาชนยังคงหวาดผวา ขณะที่โรงเรียนที่ได้รับความเสียหายยังไม่สามารถฟื้นฟูได้
              สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 เป็นวันครบรอบ 1 เดือนของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง 7.8 แมกนิจูด ซึ่งโรงเรียนในเนปาลที่ได้รับความเสียหายยังไม่สามารถฟื้นฟูได้ เจ้าหน้าที่คาดว่าจะสามารถกลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในวันที่ 1 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ขณะที่ผู้ประสบภัยจำนวนมากในกรุงกาฐมาณฑุยังคงใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง โดยบางส่วนอาศัยอยู่ในเต็นท์ เนื่องจากอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว
              
              นอกจากนี้ มรดกโลกและโบราณสถานหลายแห่งถูกทำลายจากแรงสั่นสะเทือน รัฐบาลเนปาล ระบุว่า ต้องใช้เงินกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการฟื้นฟูและบูรณะความเสียหาย โดยกังวลว่าฤดูมรสุมที่กำลังจะมาถึงอาจทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่กลางแจ้งประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิตและอาจจะเกิดโรคระบาดขึ้น 

อีกมุมหนึ่งของวิกฤต ‘โรฮิงญา’ ชนชาติที่ ‘ไม่มีใครต้องการ’

โรฮิงญา,เกมตีปิงปอง,ผู้อพยพ,เมียนมา,พระวีระธุ

กลุ่มชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญา หรือโรฮีนจา ว่าถ้าหากย้อนไป ภูมิลำเนาดั้งเดิมในช่วงของยุคล่าอาณานิคม ที่อังกฤษ ได้ยึดครองอินเดียไว้เป็นเมืองขึ้น สื่อต่างประเทศบางสำนักได้กล่าวอ้างว่า ชาวโรฮิงญา มาจากแดนภารตะ ในการเป็นแนวร่วมระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งขณะนั้น ชาวพุทธต้องสู่รบกับชาวพุทธในรัฐยะไข่ ประเทศพม่า จนกลายเป็น ‘ประวัติศาสตร์บาดแผล’ ของศัตรูคู่อาฆาต ซึ่งสุดท้าย อังกฤษก็ลอยแพชาวมุสลิมโรฮิงญา ที่ยังต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคาเมียนมา ร่วมกับ ศัตรูต่อไป คล้ายเป็นระเบิดเวลา รอการปะทุขึ้นอีกครั้ง
ทว่า สื่อต่างประเทศในแถบยุโรปอย่าง ‘ซีเอ็นเอ็น’ และ ‘บีบีซี’  มักจะนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มโรฮิงญาในฐานะ ‘ผู้ถูกกระทำ’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากมองให้รอบด้าน ในหลายแง่มุม จะเห็นได้ว่า มีเรื่องราวบางกระแส ที่ระบุถึงมุมมองอีกด้าน ของกลุ่มชาติพันธุ์นี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ  จากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ด้วยความไม่แน่นอนของเชื้อชาติและถิ่นฐานที่ชัดเจน นับตั้งแต่พม่าเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบเผด็จการทหาร จึงพยายามผลักดันชาวโรฮิงญาออกไปจากประเทศ เนื่องด้วยความขัดแย้งทางศาสนา ต่อชาวพุทธ อย่างที่ทราบกันได้ว่าเมียนมา เป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ เป็นพุทธศาสนิกชน ที่เคร่งครัดในศาสนา ถือได้ว่าเป็นพุทธสังคมที่มีความเข้มแข็ง และมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ทว่าชาวพุทธส่วนใหญ่มองว่า ชาวโรฮิงญา เป็นผู้รุกราน ตามแนวติด Islamophobia หรือแนวคิดเกลียดกลัวอิสลาม บางกระแสระบุว่า ทางการเมียนมา ต้องการสกัดไม่ให้ชาวโรฮิงญา เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองภายใน
อีกประเด็นที่น่าจับตามอง จนเกิดการตั้งคำถาม ว่าเพราะเหตุใด เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อย่างนางอองซาน ซูจี ถึงไม่ออกมาแสดงท่าทีใดๆ ต่อวิกฤติดังกล่าว แม้ว่าจะมีกระแสบางกระแสที่ระบุว่า เธอเป็นขวัญใจของชาวมุสลิม แต่ด้วยการขับเคลื่อนของประเทศที่ย่านก้าวเข้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตย เช่นนี้ ท่ามกลางสังคมที่อุดมไปด้วยชาวพุทธกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ การออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆต่อปัญหาครั้งนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และอาจกระทบต่อฐานคะแนนเสียงของเธอไม่มากก็น้อย จึงเกิดท่าทีในเชิง ‘พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง’
จากปากของ พระวีระธุ พระอาวุโสผู้จุดชนวนความรุนแรงทางศาสนาในพม่า พระผู้เรียกตัวเองว่า ‘บิน ลาเดน แห่งพม่า’ผู้ซึ่งใช้วาจาเครียดแค้นชิงชัง ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้สร้างความบาดหมางทางศาสนาในเมียนมา และเป็นปมสำคัญ หลังจากที่ออกมาอ้างว่า มีเหตุกระทำชำเราหญิงชาวพุทธ พร้อมทั้งกล่าวหาว่า ชาวมุสลิมในแง่ลบอย่างรุนแรง เดอะ การ์เดียน เผยว่า พระวีระธุเคยถูกดำเนินคดีในโทษฐานสร้างความเกลียดชังทางศาสนา แต่เมื่อถูกปล่อยตัวออกมา เขายังไม่ละเลิกสไตล์การเทศนา เพื่อเผยแพร่ความเกลียดชังทางเชื้อชาติและศาสนาต่อไป ครั้งหนึ่งเขาเผยว่า ชาวโรฮิงญาบุกเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือ เพื่อที่จะเข่นฆ่า และยังอ้างด้วยว่าชาวมุสลิม ต้องการกดให้ชาวพุทธในประเทศกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ในขณะที่ตนเองจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นชนชาติส่วนใหญ่ในประเทศเสียเอง
โรฮิงญา,เกมตีปิงปอง,ผู้อพยพ,เมียนมา,พระวีระธุ
พระวีระธุ พระอาวุโสผู้จุดชนวนความรุนแรงทางศาสนาในพม่า พระผู้เรียกตัวเองว่า ‘บิน ลาเดน แห่งพม่า’
พร้อมกันนี้ ความขัดแย้งอย่างรุนแรงของทั้งสองเชื้อชาติ ปะทุอย่างรุนแรงในปี 2555 หลังจากชนวนคดีการกระทำชำเราสาวชาวพุทธในเมียนมา แพร่สะพัดออกไป สงครามย่อยๆในการประหัดประหารระหว่าง สองศาสนาจึงเริ่มขึ้น มิใช่การเป็นผู้ถูกกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียว และเป็นเหตุให้รัฐบาลเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาดังกล่าว ว่าทั้งสองกลุ่มไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติอีกต่อไป จึงจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเกมที่เรียกว่า ‘ศึกตีปิงปอง’ ระหว่างชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายชาติขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าใครจะเป็นผู้แพ้
ส่วนท่าทีของบังคลาเทศ ซึ่งมีชายแดนติดกับเมียนมา ทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่ครั้งหนึ่งเคยรับชาวโรฮิงญาเข้าประเทศ ที่แม้ประชากรส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม มีผู้นับถือศาสนาอิสลามราวร้อยละ 88 แต่สิ่งที่เป็นใจความสำคัญ ของสาเหตุที่บัคลาเทศเองก็มิได้ต้องการรับเลี้ยงดูปูเสื่อชาวโรฮิงญา เนื่องจาก บังคลาเทศเอง ก็เป็นประเทศยากจนและมีประชากรในประเทศกว่า 133 ล้านคน ซึ่งนับได้ว่าการอยู่อาศัยในประเทศหนาแน่นอย่างมาก ทั้งยังประสบปัญหาในการการลักลอบเข้าประเทศ เป็นปัญหาใหญ่ลำดับต้นๆ ดังนั้นบังคลาเทศ จึงมิยินดีที่จะรับภาระผู้ลี้ภัยเหล่านี้เข้ามาเพิ่ม
ส่วนประเทศที่สอง และ ที่สาม ซึ่งมีทั้งเมืองพุทธและดินแดนของชาวมุสลิม ก็ไม่ประสงค์จะเข้ามารับผิดชอบปัญหาที่ตนเองไม่ได้เป็นคนก่อ ซ้ำร้าย ยังมีความกังวลว่าผู้อพยพอาจเป็นกลุ่มคนไร้ศักยภาพ ขาดความรู้ความสามารถ ไม่ได้รับการศึกษา มิดีมิร้าย หลายฝ่ายมีความกังวลว่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้อาจจะเข้ามาสร้างปัญหาให้คนในประเทศเพิ่มก็เป็นได้
กระนั้น มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายราย ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ การเบียดเบียนสิทธิขั้นพื้นฐาน ของประชาชนของประเทศที่อยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นในด้าน การเสียภาษี ค่าจ้างบุคลากรทางการศึกษา และการแพทย์ ที่หากวันใดรัฐบาลรับผู้ลี้ภัยเหล่านี้เข้ามา ซึ่งก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า หากเข้ามาประกอบอาชีพ อาจหนีไม่พ้นชนชั้นแรงงาน ที่มักจะไม่มีการเสียภาษี ประชาชนที่อยู่เดิมจำเป็นต้องแบ่งพื้นที่ และแบ่งบุคลากรขั้นพื้นฐานให้แก่บุคคลเหล่านี้ด้วย โดยที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนในการหารายได้เข้าแผ่นดิน
เห็นได้จากตัวอย่างของกรณีที่ แพทย์ รายหนึ่งซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดบึงกาฬ ที่โพสต์ข้อความเป็นนัยว่า คนไข้ยากไร้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นชาวไทยจริงๆมีจำนวนเยอะมากอยู่แล้ว แต่ด้วยหน้าที่ของการเป็นหมอ พวกเขาต้องรับรักษาคนไข้ที่มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งงบประมาณในการรับรักษาผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น ก็มาจากภาษีของคนไทย มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนในชาติทั้งสิ้น