วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

10 รองเท้าหน้าตาแปลกในประวัติศาสตร์โลก

 1. รองเท้ากลีบบัว (จีน, ศตวรรษที่ 10-ปี 2009)

          รองเท้ากลีบบัวมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนในช่วงยุคศตวรรษที่ 10 จวบจนถึงราวปี 2009 นี้ มันเป็นรองเท้าคู่เล็กกระจิริดเสียจนนึกไม่ถึงว่าจะสามารถใส่เท้าของคนเข้าไปได้จริง ๆ แต่สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นมาแล้วพร้อม ๆ กับวัฒนธรรมการรัดเท้าของชาวจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น ที่เชื่อว่าเท้าที่รัดเป็นรูปดอกบัวจะบ่งบอกถึงอนาคตที่ดีของลูกสาว อย่างการได้แต่งงานออกเรือนไปกับชายที่มีฐานะดี 

รองเท้าแปลก
        2. บัลเลต์บูท (1980's-ปัจจุบัน)

          รองเท้าที่ผสมผสานระหว่างรองเท้าบัลเลต์กับรองเท้าส้นสูงเข้าไป ได้ออกมาเป็น บัลเลต์บูท หน้าตาแปลก ๆ เดิมทีแฟชั่นนี้จำกัดอยู่ในกลุ่มแคบ ๆ ของคนที่หลงใหลรองเท้าหน้าตาประหลาด แต่แล้วมันกลายเป็นรองเท้าแฟชั่นหวือหวาไปในช่วงปี 1980's เมื่อใส่แล้วปลายเท้าจะเหยียดตรงแน่วราวกับกำลังเต้นระบำบัลเลต์อยู่ อย่างไรก็ดีมันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ เป็นแค่รองเท้าเอาไว้ใส่เก๋ ๆ ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง

รองเท้าแปลก
        3. รองเท้าเจ้าสาวหัวแหลมทำจากไม้ (ฝรั่งเศส, ยุคปลายศตวรรษที่ 19)

          รองเท้าเจ้าสาวทำจากไม้คู่นี้มีต้นกำเนิดมาจากแถบหุบเขา Bethmale ทางตอนใต้ของเมือง Saint Girons ในเขต Ariege ของประเทศฝรั่งเศส ย้อนกลับไปเมื่อสมัยศตวรรษที่ 9 ชาวบ้านเมืองนี้ต่อสู้ชนะกลุ่มแขกมัวร์ผู้มาลักเอาตัวผู้หญิงในหมู่บ้านไป เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะจึงได้ควักหัวใจของศัตรูออกมาปักที่ปลายแหลมของยอดรองเท้าที่ทำจากไม้วอลนัท ซึ่งรองเท้าหนึ่งข้างจะทำมาจากไม้วอลนัทชิ้นเดียวกันทั้งหมด ภายหลังจึงมีการดัดต้นวอลนัทให้เป็นรูปร่างโค้งงอตามที่ต้องการเพื่อให้นำมาทำรองเท้าได้ง่ายขึ้น และชายหนุ่มก็จะมอบรองเท้าคู่นี้ให้แก่หญิงสาวของเขา โดยเชื่อว่ายิ่งปลายยอดของรองเท้าแหลมมากเท่าไร ก็แสดงถึงความรักที่ชายผู้นั้นมอบให้มากเท่านั้น 

รองเท้าแปลก

        4. พาดูกัส รองเท้าแตะของชาวอินเดีย (อินเดีย, ช่วงปี 1700's)

          พาดูกัส นับเป็นรองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดของชาวอินเดีย มันมีเพียงส่วนที่เป็นพื้นรองเท้ากับตุ่มที่โผล่ออกมาให้ใช้นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้หนีบยึดเอาไว้เท่านั้น นอกจากพาดูกัสแบบธรรมดาแล้ว ยังมีพาดูกัสแบบหนามสำหรับผู้มีรสนิยมชอบทรมานตนเอง หรือเป็นพวกมาโซคิสม์ด้วย ผู้ที่เป็นมาโซคิสม์บางรายชอบความรู้สึกทิ่มแทงจากหนามแหลม โดยหลังจากที่ร่างกายถูกทรมานจากปลายหนามราว 20-40 นาที กลไกของร่างกายจะสั่งให้หลั่งสารเคมีระงับความเจ็บปวดชนิดหนึ่งออกมา ทำให้เกิดความรู้สึกชา เคลิ้ม และเหมือนตกอยู่ในภวังค์ บ้างก็เทียบว่าเป็นความรู้สึกเหมือนไปถึงจุดสุดยอดเลยทีเดียว แม้จะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ รองเท้าพาดูกัสหนามกลับถูกสวมใส่โดยนักบวชชาวฮินดู หรือผู้บำเพ็ญเพียรทรมานร่างกายตนเอง 

รองเท้าแปลก
        5. รองเท้าไร้ส้น  

          รองเท้าชนิดนี้ยังคงพบเห็นได้บ่อยเมื่อเหล่าแฟชั่นนิสต้าหลาย ๆ คนปรากฏกาย มันเปิดตัวสู่โลกเป็นครั้งแรกในงานเดินแบบของแบรนด์ Antonio Berardi เมื่อปี 2007 และเป็นที่ฮือฮามากมายอีกครั้ง เมื่อวิคตอเรีย เบคแฮม ได้สวมใส่มันในปี 2008 ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนผู้ออกแบบรองเท้าไร้ส้นเป็นคนแรกกล่าวว่า หากคิดว่ารองเท้าคู่นี้จะทำให้เจ็บเท้าล่ะก็ ผิดถนัดเลย เหล่านางแบบที่เข้ามาลองสวมเพื่อซ้อมเดินแบบแม้จะรู้สึกแปลก ๆ กับมันในตอนแรก แต่สุดท้ายก็บอกว่าใส่มันเดินได้สบาย ๆ ไม่ต่างอะไรกับรองเท้าทั่ว ๆ ไป มันรักษาสมดุลของร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดี แพทย์ได้เตือนว่ามันอาจทำร้ายเท้า หัวเข่า และกระดูกสันหลังได้ หากว่าใส่อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ  

รองเท้าแปลก

        6. ชอพินส์ รองเท้ายกพื้นจากอิตาลี (Chopines อิตาลี 1580-1620)

          ในปัจจุบัน การหาดูรองเท้าชอพินส์แบบโบราณแท้ ๆ แม้ในพิพิธภัณฑ์ก็ถือเป็นเรื่องยาก มันมีต้นกำเนิดในยุคเรเนสซองส์ และเป็นที่นิยมสำหรับสุภาพสตรีในยุคศตวรรษที่ 17 เป็นอย่างมาก จุดประสงค์ของรองเท้าที่ยกพื้นขึ้นมากกว่า 5 นิ้ว คือการทำให้ผู้สวมใส่ดูสูงโดดเด่นเป็นสง่า แต่ก็จำเป็นให้ต้องมีผู้ช่วยคอยประคองขณะเดินเพื่อไม่ให้ล้มลง นอกจากนี้มันยังถูกประดับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงละเมียดละไมเป็นที่สุดด้วย ตัวรองเท้ามักทำจากไม้ แล้วหุ้มด้วยผ้าไหมหรือกำมะหยี่ ตกแต่งด้วยแผ่นเงินฉลุลาย ห้อยพู่ประดับสวยงาม แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีใครได้ยลความงามของรองเท้าชอพินส์เท่าไรนัก เพราะมันมักถูกปิดบังไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวที่คลุมรองเท้าเอาไว้มิดชิดนั่นเอง 

รองเท้าแปลก
        7. รองเท้าสานจากไม้เบิร์ช (ฟินแลนด์ ยุคกลางศตวรรษที่ 20)

          ผู้หญิงในช่วงต้นยุคศตวรรษที่ 20 ใส่รองเท้าชนิดนี้กันแทบทุกวัน โดยนำผ้ามาห่อพันเท้าก่อนที่จะสวมเข้าไปในรองเท้าซึ่งสานจากเปลือกไม้อีกที ทั้งยังมีบ่อยครั้งที่รองเท้าสานนี้ถูกนำมาสวมใส่เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าราคาแพงที่สวมอยู่ด้านในเลอะเปรอะดินโคลนจากการลุยฝนหรือหิมะ มันมีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้นราว 1 สัปดาห์เท่านั้น ไม้ที่นิยมนำมาทำรองเท้าสานนี้มากที่สุดคือไม้เบิร์ช ตามมาด้วยเปลือกไม้จากต้นลินเดนและต้นเลมอน นอกจากในฟินแลนด์แล้ว ประเทศรัสเซีย นอร์เวย์ และสวีเดน ก็มีรองเท้าสานจากเปลือกไม้เป็นของตัวเองด้วย 

รองเท้าแปลก

        8. กับกับส์ (Kabkabs  เลบานอน, ศตวรรษที่ 14-17)

          รองเท้าไม้ประดับแผ่นโลหะเงินนี้มาจากประเทศเลบานอน รู้จักกันในชื่อ กับกับส์ หรือ นาลินส์ ผู้หญิงตะวันออกกลางนิยมใส่เพื่อดีดตัวเองให้สูงจะได้พ้นความสกปรกจากฝุ่นดินและพื้นที่เฉอะแฉะไปด้วยโคลน รวมทั้งใส่ในโรงอาบน้ำที่พื้นทั้งร้อนและเปียก สายด้านบนของกับกับส์ทำจากหนัง ผ้าไหม หรือกำมะหยี่ ส่วนพื้นรองเท้าบ้างประดับด้วยเงิน ทอง หรือดีบุกผสม และหากเป็นกับกับส์ของคนรวยก็จะฝังมุกเม็ดโตลงไปด้วย ในโอกาสพิเศษอย่างงานแต่งงาน กับกับส์ที่ทำจากไม้จะยิ่งถูกประดับให้วิจิตรงดงามมากขึ้น และในกรณีที่เจ้าสาวยังเป็นเด็ก กับกับส์ที่ใช้ก็จะมีความสูงมากขึ้นเพื่อให้เจ้าสาวดูตัวใหญ่ขึ้นด้วย แม้จะเป็นรองเท้าสำหรับผู้หญิง แต่ผู้ชายก็สวมใส่มันอยู่บ้าง โดยจะลดทอนการประดับประดาลง ส่วนชื่อ "กับกับส์" ทีเรียกมันนั้น เลียนมากจากเสียงยามที่ส้นรองเท้ากระทบกับพื้นหินอ่อนเวลาเดินนั่นเอง

รองเท้าแปลก

        9. รองเท้าส้นสูงของผู้ชาย (ยุโรป, ช่วงยุค 1700's)

          กางเกงขาพอง ถุงน่อง และรองเท้า กลายเป็นเครื่องแต่งกายสำคัญสำหรับผู้ชายในยุคศตวรรษ 1700's และเมื่อความสนใจในการแต่งกายเบนมาสู่ท่อนล่างของร่างกายมากขึ้น คุณผู้ชายจึงอยากจะมีเรียวขาที่ดูเรียวยาวสมส่วนดี รวมทั้งอยากให้ตัวสูงขึ้นดูสง่างามตา รองเท้าชายส้นสูงจึงถือกำเนิดขึ้นมา และมันก็ฮิตไปทั่วทั้งอาณาจักรเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 ซึ่งมีรูปร่างสันทัด หันมาใส่รองเท้ามีส้นเพื่อเพิ่มความน่าเกรงขามสร้างบารมีแก่ตน และเมื่อเจ้าแผ่นดินใส่ ใคร ๆ ก็เลยใส่ตาม เป็นที่นิยมมากในยุคนั้นเลยทีเดียว แถมยังมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยริบบิ้น หัวเข็มขัด หรือแม้แต่ลายปักรูปกุหลาบด้วย

รองเท้าแปลก
        10. โอโคะโบะ (ญี่ปุ่น, ศตวรรษที่ 18-ปัจจุบัน)

          นอกจากรองเท้าเกี๊ยะที่คนรู้จักกันดีแล้ว ญี่ปุ่นก็ยังมี "โอโคะโบะ" เป็นรองเท้าอีกคู่หนึ่งที่น่าสนใจ ตั้งแต่ก่อนช่วงปี 1970 ที่ไมโกะ หรือ เกอิชาฝึกหัด จะต้องใส่โอโคะโบะเอาไว้ แต่หาใช่เพื่อเหตุผลด้านความสวยความงาม หากแต่เพื่อให้ส้นที่สูงถึง 5.5 นิ้ว ช่วยยกมิให้ชายกิโมโนลากระเรี่ยพื้นยามเดิน พื้นรองเท้าด้านบนที่บากเข้าลึกก็บังคับให้ต้องเดินก้าวสั้น ๆ กันไม่ให้โคลนหรือน้ำดีดขึ้นมาโดนกิโมโนด้วย ตัวรองเท้าโอโคะโบะนั้นทำด้วยไม้ชิ้นเดียวกันทั้งหมด และเจาะส่วนกลางด้านในส้นให้กลวง ทำให้เกิดเสียงกังวาลเฉพาะตัวยามเดิน นอกจากนี้สายรองเท้าที่คาดด้านบนยังบอกถึงระดับของไมโกะแต่ละคนด้วย โดยไมโกะหน้าใหม่จะสวมโอโคะโบะที่มีสายสีแดง แต่หากเป็นไมโกะที่ใกล้ได้ขึ้นเป็นเกอิชาเต็มตัวแล้วก็จะใส่โอโคะโบะที่มีสายคาดสีเหลือง 

รองเท้าแปลก

เมื่ออากาศร้อน....มาหาวิธีคลายร้อนกันดีกว่า

- เดิน นั่งเล่น ทานอาหาร ห้างสรรพสินค้า ได้แอร์โดยไม่ต้องเปิดแอร์เองที่บ้าน หาเก้าอี้สาธารณะแล้วนำอาหารไปทานเองจากบ้านก็ได้ ไม่เปลืองสตังค์ มาถึงยุคนี้แล้ว ไม่ต้องอายค่ะ ทำไปก่อนค่ะ เดี๋ยวมีคนทำตามเพียบ!

- เข้าโรงหนัง ระหว่างนั่งรอหนังเข้า ก็เอามือถือมาเปิด oknation wap เล่นบล็อกซะ

- เข้าไปนั่งอ่านหนังสือ ทำงานที่ห้องสมุดที่เปิดแอร์อยู่แล้ว

- ไปนั่งพักผ่อนใต้ต้นไม้ ตามสวนสาธารณะ สถานที่คุ้นเคย มีคนรู้จักแถบนอกเมือง

- อาบน้ำบ่อยๆ นอนแช่น้ำให้คลายร้อน (โดยไม่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่น)

- ทาแป้งเย็น หรือประดินสอพอง ให้ตัวลายพร้อย เปิดหน้าต่างรับลม

- ทำน้ำเย็นใส่กระติกไว้ทาน (เหยาะน้ำยาอุทัย สักนิดให้ชื่นใจก็ได้) ใส่กระติกใบเล็กสำหรับพกออกไปนอกบ้าน ไม่ต้องไปซื้อน้ำเย็น น้ำแข็งใสที่ไหน

- ทำไอศครีมหรือหวานเย็นทานเอง จะใช้น้ำผลไม้คั้นสดๆ (คั้นด้วยมือ) ผสมน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม เกลือนิดหน่อย หรือ ใช้น้ำแข็งทุบละเอียดใส่น้ำหวาน

- ทำราวแขวนผ้าในบ้าน ย้ายผ้าสะอาดๆที่หมาดแล้วมาตากในบ้าน ให้พัดลมพัดเฉี่ยวๆเอาลมเย็นมาปะทะตัวเรา
- ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยธรรมชาติ งดผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์

- ว่ายน้ำ เล่นน้ำ แถวสโมสรกีฬาที่มีสระว่ายน้ำให้ลงเล่นได้ หรือจะเล่นที่แม่น้ำ หรือน้ำตกก็ได้ถ้าอยู่ไกล้

- ใช้ปืนฉีดน้ำ หรือสแปรที่ใช้ฉีดเพื่อรีดผ้า ใส่น้ำสะอาดแล้วเอามาฉีดใส่ตัวเองซะ เย็นดี
- รดน้ำต้นไม้ นอกจากจะคลายร้อนยังได้ออกกำลังกาย แถมทำงานไปด้วยก็ได้ 3 in 1

หน้าร้อน, SUMMER, สุขภาพ, เคล็ดลับ, ความรู้, ฮอต, แดด

10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก

10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก

10.Kelly Smith
       Kelly Smith คือตำนานของนักฟุตบอลหญิงอังกฤษอย่างแท้จริง เธอเกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1978 เป็นชาวเมืองวัตฟอร์ด เล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้า ได้รับรางวัลสูงสุดในอาชีพฟุตบอลขณะค้าแข้งอยู่กับสโมสรอาร์เซนอล ด้วยการคว้าโทรฟีจากศึก UEFA Women’s Cup
       
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       9.Hanna Ljungberg
       72 ประตูจากการลงสนามในเกมระดับนานาชาติให้กับประเทศสวีเดนตั้งแต่ปี 1996-2008 คือสถิติของนักฟุตบอลสาวผู้มีชื่อว่า Hanna Ljungberg แม้จะมีนามสกุลเดียวกับนักฟุตบอลชื่อดังในอดีตของสโมสรอาร์เซนอลอย่าง Fredrik Ljungberg แต่นอกจากฝีไม้ลายมือที่พอเทียบชั้นกันได้แล้ว เธอก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเขาแต่อย่างใด
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       8.Renate Lingor
       Renate Lingor คือกองกลางตัวหลักของทีมชาติเยอรมันมาตั้งแต่ที่เยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหญิงในปี 2003 และ 2007 เธอประสบความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอลมาอย่างมากมาย ด้วยการนำทีมของตัวเองเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของเยอรมันมากถึง 5 ครั้ง เป็นแชมป์บอลถ้วยของเยอรมันอีก 5 ครั้ง ในระยะเวลาที่เธอเล่นฟุตบอลอาชีพมาทั้งสิ้น 12 ปี
  
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       7.Cristiane Rozeira de Souza Silva
       ว่ากันว่านักฟุตบอลหญิงทีมชาติบราซิลที่เก่งที่สุดคือ Marta (อันดับที่ 2 ในรายชื่อของเรา) แต่ก็ยังมีคำกล่าวอีกว่า หากในทีมมี Marta คุณก็จะขาด Cristiane ไปไม่ได้เป็นอันขาด
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       6.Abby Wambach
       ในวัย 31 ปี Abby Wambach นำสหรัฐอเมริกาทะลุเข้าสู่รอบชิงฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกครั้งที่ 6 เมื่อปี 2011 ได้สำเร็จ แม้เกมนัดนั้นจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่ชื่อของเธอก็จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลหญิงไปอีกยาวนาน
      
       การเล่นอันงดงามของเธอในศึกแสนดราม่า ระหว่างอเมริกากับบราซิลในรอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลโลก ซึ่งเธอสามารถสร้างปาฏิหาริย์ยิงประตูให้ทีมตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนจะกลับมาคว้าชัยชนะ คงไม่มีใครลืมเลือน แต่นั่นก็ไม่ใช่ผลงานทั้งหมดของเธอ
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       5.Homare Sawa
       Homare Sawa คือนักฟุตบอลผู้ยิงประตูให้ญี่ปุ่นตีเสมออเมริกาได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนจะได้ครองแชมป์โลกหลังจากการดวลลูกจุดโทษอันดุเดือด ในศึกชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2011
            
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       4.Sun Wen
       กองหน้าผู้กลายเป็นตำนานของประเทศจีน ด้วยการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำและลูกฟุตบอลทองคำจากการทำประตูสูงสุดในฟุตบอลโลกหญิงปี 1999
      
       Sun Wen ทำประตูไปทั้งสิ้น 106 ตลอดการค้าแข้ง จากการลงเล่นในเกมระดับนานาชาติทั้งสิ้น 152 นัดให้แก่จีน ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2006 แต่ก่อนหน้านั้นในปี 2002 เธอก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในศตวรรษจากฟีฟ่า
 
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       3.Birgit Prinz
       กองหน้าผู้นำเยอรมันคว้าแชมป์โลกได้ถึง 2 สมัยติดต่อกันเมื่อปี 2003 และ 2007 เป็นนักฟุตบอลหญิงที่ได้รับรางวัล FIFA Women's World Player of the Year ต่อจาก Mia Hamm (อันดับ 1 ในรายชื่อของเรา) ซึ่งครองตำแหน่งติดต่อกันถึง 2 สมัยนับตั้งแต่ก่อตั้งรางวัลนี้
      
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       2.Marta Vieira da Silva
       หากฟุตบอลชายมี ‘เมสซี’ เธอนี่ล่ะคือ ‘เมสซี’ ของฟุตบอลหญิง -- ด้วยเทคนิคอันยอดเยี่ยม ทักษะและการเคลื่อนไหวที่ไม่แพ้ผู้ชาย รวมถึงการทำประตูอันหนักหน่วง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด หากเธอจะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักฟุตบอลหญิงที่เก่งที่สุด
      
       Marta ได้รับรางวัล FIFA Women's World Player of the Year มากถึง 5 ครั้ง ทำประตู 82 ประตูจากการลงเล่นให้ทีมชาติเพียง 73 นัด มากกว่าจำนวนนัดที่ลงสนาม
       
10 นักฟุตบอลหญิงระดับโลก
       1.Mia Hamm
       เมื่อนั่งลงถกเกียงกันว่า ใครคือนักฟุตบอลหญิงที่เก่งที่สุด คนที่ติดตามฟุตบอลหญิงระดับโลกอยู่บ้าง คงไม่มีใครลืมชื่อของ Mia Hamm ไปได้อย่างแน่นอน
      
       รางวัล FIFA World Player of the Year 2 ครั้ง พาสหรัฐอเมริกาคว้าแชมป์โลก 2 สมัยในปี 1991 และ 1999 อีกทั้งยังได้เหรียญทองจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกถึง 2 ครั้งในปี 1996 และ 2004 นั่นคือบทพิสูจน์