วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตึกบาห์เรนเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์

BWTC กังหันยักษ์แห่งบาห์เรน

บาห์เรน” จัดเป็นประเทศเล็กๆ ในอ่าวอาหรับ  ที่กล้าประกาศตัวเป็นฮับทางการเงินของตะวันออกกลาง จึงต้องมีการทุ่มลงทุนในโครงการก่อสร้างระดับเมกะโปรเจกต์เป็นจำนวนมาก อย่างโครงการ Financial Harbour ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงโครงการ Bahrain World Trade Center ที่จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของประเทศนี้

โครงการก่อสร้างอาคาร “Bahrain World Trade Center” หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า Bahrain WTC หรือ  BWTC ตั้งอยู่ที่เมืองมานามา ในประเทศบาห์เรน โดยมีมูลค่าการลงทุนถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อก่อสร้างตึกแฝดที่มีความสูง 240 เมตร ขนาด 50 ชั้น และชั้นใต้ดิน 4 ชั้น ซึ่งออกแบบโดย Atkins และมี Ramboll, Norwin A/S และ Elsam Engineering ทำหน้าที่ก่อสร้าง โดยเริ่มลงก่อสร้างในปี 2004 และได้เริ่มเปิดใช้มาตั้งแต่ปี 2008

โปรเจกต์นี้ ถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายสำคัญในเรื่องการรักษาและอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมที่เป็นกระแสหลักของโลกในวันนี้ งานดีไซน์ของโครงการนี้จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการใช้พลังงานที่จะต้องบริโภคพลังงานให้ต่ำที่สุด ในขณะเดียวกันจะต้องเป็นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังต้องใส่ใจในเรื่องการปลดปล่อยคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วยการการการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอกอาคาร

แต่การจะทำให้อาคารหลังนี้เป็นอาคารยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งแรกที่ผู้ออกแบบนึกถึงคือการนำแผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้โครงการ แต่ก็พบว่าสภาพอากาศที่ร้อนสุดขั้วของบาห์เรนจะทำให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ จึงต้องคิดค้นหาแนวทางอื่นที่ความเป็นไปได้มากกว่า ด้วยการเลือกที่จะติดตั้งเทอร์ไบขนาด 29 เมตร  บนสะพานเชื่อมที่มีความยาว 30 เมตร ระหว่างทาวเวอร์ทั้งสอง ตัวอาคารจึงถูกดีไซน์ให้สามารถรองรับกระแสลมจากชายฝั่งทะเลที่มีกำลังแรงมากๆ เพื่อขับเคลื่อนกังหันเทอร์ไบ

ความน่าสนในของทาวเวอร์แฝดคู่นี้ อยู่ที่ดีไซน์ที่เป็นการหลอมรวมของสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนและมีเหตุผล โดยยึดหลักการออกแบบภายใต้แนวคิดพลังงานทดแทน Atkins ดีไซน์ให้อาคารคู่นี้ให้มีรูปร่างคล้ายใบเรือที่หันข้างเข้าหากัน ลักษณะของอาคารที่ถูก ออกแบบให้เป็นเหมือนปีกช่วยดักลมที่พัดผ่านทั้งสองอาคาร ลักษณะที่เหมือนใบเรือทำให้เกิดความแตกต่างด้านรูปทรงของอาคารในแต่ละชั้น โดยในระดับชั้นล่างๆ ปีกดักลมจะขนาดงใหญ่ที่สุด เพราะกระแสลมในระดับต่ำจะค่อนข้างเบาฐานของอาคารจึงถูกออกแบบให้กว้าง

ถัดขึ้นมาปีกจะเริ่มสอบเข้าหาส่วนยอดของอาคาร การลดขนาดลงในระดับที่สองก็เพราะว่ากระแสลมเริ่มแรงขึ้น และจะเล็กที่สุดในระดับสูงสุดซึ่งมีกระแสลมแรง จึงไม่จำเป็นต้องการปีกดักลมขนาดใหญ่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะทำให้เทอร์ไบแต่ละตัวสามารถหมุนได้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะอยู่ในระดับกระแสลมที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด และยังทำให้เส้นสายของอาคารดูดีมีเอลักษณ์อีกด้วย

นอกจากนี้ มีรายละเอียดในการกำหนดองศาที่ตั้งของอาคารให้ทำหน้าที่เป็นเหมือนอุโมงค์ลม ที่จะรับลมและรีดกระแสลมให้ไหลเร็วและแรงขึ้น ในช่วงที่พัดผ่านช่องว่างระหว่างอาคารทั้งสองหลัง เพื่อที่จะขับเคลื่อนเทอร์ไบ ซึ่งวิธีการนี้ได้มีการทดสอบแล้วในอุโมงค์ลม โดยกระแสลมจะวิ่งผ่านตัวอาคารเป็นลักษณะตัว โดยจะทำมุมกับกังหันลมประมาณ 45 องศา ซึ่งเป็นมุมที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนเทอร์ไบเพื่อที่จะผลิตกระแสได้อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าที่ถูกนำมาติดตั้งในโปรเจกต์นี้ ที่ถูกติดตั้งอยู่บนสะพานเชื่อมระหว่างอาคาร ซึ่งมีความแข็งแรงพอที่จะรับกระแสลมแรงจากอ่าวเปอร์เซีย โดยมันจะหันหน้าไปทางทิศเหนือเพื่อจะรับลมที่พัดเข้าสู่ฝั่ง เพื่อที่จะขับเคลื่อนกังหันลมกำเนิดไฟฟ้าขนาด 225 KW ทั้ง 3 ตัว ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้ารวมกันได้มากถึง 675 KW คิดเป็นปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ป้อนให้กับอาคารได้ราว 11-15% ของปริมาณไฟฟ้าที่อาคารคู่นี้ต้องใช้ หรือปีละประมาณ 1.1-1.3 GWh ซึ่งสามารถใช้เปิดไฟส่องสว่างให้กับบ้านเรือนได้มากถึง 300 หลังตลอด 1 ปีเต็มๆ

ปัจจุบัน กังลมทั้ง 3 ตัว ของ BWTC ได้หมุนเพื่อทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นความสำเร็จของงานออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น ด้วยเทอร์ไบขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยถูกติดตั้งบนอาคาร และเป็นเทอร์ไบตัวแรกของโลกที่ถูกติดตั้งระหว่างอาคาร และมันยังเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเมืองนี้ ในฐานะตึกสูงอันดับสองของบาห์เรน นอกจากความสำเร็จที่ได้รับจากการถูกกล่าวขานแล้ว BWTC ยังมีรางวัลระดับโลกเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในหลายๆ ด้าน ด้วยการได้รับ LEAF Award ในฐานะโครงการที่ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด และ Sustainable Design Award แห่งโลกอาหรับ อีกด้วย
  

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมืองพุกาม

พุกาม (Bagan)  
เมืองพุกามนั้นเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ สมัยศตวรรษที่ 11  เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศพม่า  โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนกว่า  5,000 องค์ จนได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่อารยธรรมของประเทศ
เมืองพุกามถูกสถาปนาโดยพระเจ้าอโนรธา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิระวดี  แต่ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงเมืองด้านใต้และตะวันออกเท่านั้น  กล่าวันว่า  จำนวนเจดีย์ที่แท้จริงนั้นมีเป็นจำนวนกว่า 10,000 องค์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างยิ่งใหญ่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเจดีย์ในปัจจุบัน  ที่แม้จะต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา  แต่เจดีย์ที่ยังคงอยู่นั้นส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์เนื่องจากพุกามเป็นเขตแห้งแล้ง  ทำให้เจดีย์ไม่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติใดๆ  อีกทั้งชาวพม่าก็ถือคติที่จะไม่ทำลายเจดีย์อย่างเคร่งครัด 
พุกาม (Bagan) เมืองในประเทศพม่า เคยเป็นที่ตั้งอาณาจักรโบราณพุกาม (พ.ศ. 1587 - พ.ศ. 1830) เป็นอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า พุกาม เป็นเมืองที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ทั้ง ๆ ที่มีคุณสมบัติเต็มพร้อม ปัจจุบันรัฐบาลทหารพม่ากำลังพยายาม เร่งเสนอชื่อและเตรียมความพร้อมให้เป็นมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมแห่งต่อไป
พุกาม ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Division) อยู่ห่างประมาณ 90 ไมล์ หรือ 145 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมัณฑะเลย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตเมืองเก่า (เขตที่ตั้งอาณาจักรพุกาม) เขตเมืองใหม่ (เขตที่อยู่อาศัยปัจจุบัน) และยองอู (เขตพาณิชยกรรมและเศรษฐกิจ) มีสนามบินชื่อ สนามบินยองอู เป็นสนามบินประจำเมือง รายได้หลักของเมืองคือ การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนที่นี่เสมอทุกช่วงปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากแถบเอเชียด้วยกัน
พุกามได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ หรือ ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ เจดีย์ชเวสิกอง สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม โดยธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ เจดีย์องค์ใหญ่สุดจะเป็นเจดีย์ที่กษัตริย์ทรงสร้าง และองค์ที่มีขนาดเล็กถัดมา เป็นการสร้างโดยเหล่าขุนนาง อำมาตย์ ลดหลั่นลงมาตามบรรดาศักดิ์
นอกจากเจดีย์ชเวสิกองแล้ว ยังมีเจดีย์สำคัญ ๆ อีกหลายองค์และวัดสำคัญ ๆ อีกเช่น เจดีย์ชเวซันดออานันทวิหารเจดีย์ตะเบียงนิววัดพะยาตองซูเป็นต้น

  

ภูเขาไฟโบรโม

ภูเขาไฟโบรโม (อินโดนีเซีย: Gunung Bromo) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโมเทงเกอร์เซเมรู เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเทงเกอร์มาสซีฟ บนเกาะชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ยอดภูเขาไฟนี้มีความสูง 2,329 เมตร ซึ่งไม่ได้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากความสูงไม่มากนัก และเดินทางถึงยอดเขาได้โดยง่ายชื่อ โบรโม มาจากตัวสะกดในภาษาชวาของคำว่า "พรหม" ซึ่งเป็นพระนามของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีเทศกาล Yadnya Kasada ชนชาวพื้นเมืองจะเดินเท้าขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟ และประกอบพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าโดยการโยนอาหาร ดอกไม้ และสัตว์บูชายัญลงในแอ่งภูเขาไฟ ภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ การปะทุครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2547 และตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2553 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 
 
ภูเขาไฟโบรโม อยู่ในเทือกเขาเทงเกอร์ ในทางตะวันออกของเกาะชวา ซึ่งปัจจุบันภูเขาไฟแห่งนี้ยังคุกรุ่นอยู่ โดยปล่องภูเขาไฟมีความสูงอยู่ที่ 2,329 เมตร แม้ภูเขาแห่งนี้จะไม่ใช่ลูกที่สูงที่สุด แต่ก็เป็นภูเขาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่ง ส่วนที่ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจมาเที่ยว เพราะมีจุดชมวิวที่ดีที่สุดจากยอดภูเขาไฟ มองไปที่ทะเลทรายข้างล่างและวิวรอบ ๆ รวมถึงมารอรับอรุณบนยอดภูเขาไฟอันร้อนแรงแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในบางวันศูนย์ภัยพิบัติของอินโดนิเซีย ก็มีการเตือนเรื่องการเดินทางเข้าไปชมภูเขาไฟจอมพิโรธนี้อยู่ และบริเวณปล่องภูเขาไฟนั้นก็ยังคงมีควันสีขาวลอยฟุ้งออกมา โดยที่รอบ ๆ ภูเขาไฟแห่งนี้นั้นล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย อันเกิดจากเถ้าถ่านและฝุ่นผงจากการระเบิดของภูเขา  
การเดินทางขึ้นไปดูปากปล่องภูเขาไฟโบรโมจะต้องขี่ม้าหรือเดินขึ้นไป  แต่ม้าไปส่งได้แค่ไหล่เขาชั้นต้นเท่านั้น  ช่วงถัดไปต้องเดินตามขั้นบันไดด้วยตัวเอง  เป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร  ระหว่างทางมีที่พักกลางทางให้นั่งพักเหนื่อย  กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชอบทำกันก็คือเดินบนขอบปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นสันกว้างสามารถเดินได้โดยรอบ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะขอบปากปล่องภูเขาไฟเป็นทรายที่ค่อนข้างลื่นส่วนนักท่องเที่ยวที่เป็นหนุ่มสาวและมาเป็นคู่ต่างซื้อดอกไม้ป่าสีสวยกำใหญ่จากชาวบ้านที่ขึ้นมาขายถึงข้างบน  ตั้งใจอธิษฐานของสิ่งที่ต้องการแล้วโยนช่อดอกไม้ลงไปในปากปล่องภูเขาไฟใกล้ๆ  กันนั้นจะมองเห็นภูเขาไฟบาต๊อกอยู่ใกล้แค่เอื้อม  กับภูเขาไฟเซเมรูนิ่งสงบน่าเกรงขาม

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติวันวาเลนไทน์

ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์
  วันวาเลนไทน์ ประวัติวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก Valentine's Day เรามีประวัติวันวาเลนไทน์ สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ ธรรมเนียมถือปฏิบัติวันวาเลนไทน์ มาฝาก 

          วันวาเลนไทน์คงเป็นวันที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย... โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ตื่นขึ้นมา พร้อมรอยยิ้ม เพื่อเตรียมของขวัญ คำหวาน และข้อความพิเศษ ๆ มอบให้กับคนรักอย่างแน่นอน.. และในโอกาสวาเลนไทน์วันแห่งความรักวันนี้ กระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดหยิบยกเรื่องราวของวันวาเลนไทน์มาฝากกันอีกเช่นเคย มาดูกันซิว่า วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นได้อย่างไร และชาวตะวันตกทำอะไรกันบ้างในวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์วันนี้
           สำหรับประวัติวันวาเลนไทน์นั้น หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุเป็นเพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรักนั่นเอง นักบุญวาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น โรม ต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด อย่างสิ้นเชิง

           แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง

ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์

สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

          สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์คือ เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)  
          ตำนานความรักของ เทพเจ้าคิวปิด นั้น ในอดีต เทพเจ้าวีนัสอิจฉา "ไซกี" ธิดาวัยกำลังแรกรุ่นของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่สำคัญคือไซกีสวยกว่าเทพเจ้าวีนัสมาก นางเลยส่งเทพเจ้าคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ แต่เทพเจ้าคิวปิดกลับหลงรักไซกีและพามาที่วัง และลอบมาหาในเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนยุให้ไซกีแอบดูตอนเทพเจ้าคิวปิดนอนหลับ แต่ด้วยความตื่นเต้นของไซกีที่เห็นเทพเจ้าคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงาม เลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่เทพเจ้าคิวปิด เมื่อเทพเจ้าคิวปิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่ง จึงทิ้งนางไป

          เมื่อโดนทิ้ง ไซกีก็ออกตามหาเทพเจ้าคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกเทพเจ้าวีนัสกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา จนเทพเจ้าคิวปิดเห็นใจต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจ จึงช่วยให้ทั้งสองได้ครองรักกัน
วันวาเลนไทน์

 ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์
 

           หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine." 

           ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart) 

           เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อ เพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่ง สัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คนๆ นั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

           ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา
วันวาเลนไทน์

           บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี 

           ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป

           บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ล ได้หมดพอดี

           ในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้ 

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 10 อันดับแรกในลอนดอน


Buckingham Palace
พระราชวังบั๊กกิ้งแฮม เป็นที่ประทับของพระราชินีของอังกฤษ และเป็นศูนย์กลางของราชวงศ์มาตั้งแต่ปี 1837 ... ในแต่ละวันจึงมีผู้คนไปอยู่รอบๆพระราชวังอย่างมากมาย ด้วยหวังว่า หากโชคดีอาจจะได้เห็นพระราชินีและหมู่ราชวงศ์
Houses of Parliament
สภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ รู้จักกันในชื่อ Palace of Westminster เป็นสถานที่ที่การตัดสินใจที่สำคัญๆทางการเมืองของประเทศเกิดขึ้นที่นี่
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (House of Commons) และสมาชิกของสภาสูง (House of Lords) ที่ได้รับการแต่งตั้ง ... ผู้คนมักจะมาที่นี่เพื่อชมหอนาฬิกาอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของลอนดอน นั่นคือหอนาฬิกา Big Ben
Tower of London
หอคอยแห่งลอนดอนอายุกว่า 900 ปีแห่งนี้ เป็นมากกว่าหอคอยธรรมดาๆ ... ที่นี่ เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 18 เอเคอร์ ... ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่นี่เคยเป็นพระราชวัง สถานที่คุมขัง โรงกษาปณ์ และแม้แต่เป็นสวนสัตว์
หอคอยแห่งลอนดอน เป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าของอังกฤษ เช่น มงกุฏที่ประดับด้วยเพชรพลอยมูลค่ามหาศาล .. ที่ดูแปลกๆก็คือมีฝูงกาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ..
มีทหารในชุดแต่งกายสมัยโบราณแบบ Yeoman Warders ดั้งเดิม ที่บ้างเรียกกันว่า Beefeaters คอยดูแลรักษาความปลอดภัย
Tower Bridge
ใกล้ๆกับหอคอยแห่งลอนดอน เป็นที่ตั้งของ Tower Bridge สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ที่โด่งดัง
สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานในปี 1894 มีลักษณะเป็นสะพานแขวนผสมกับสะพานที่สามารถเปิดตรงกลางสะพานได้ ยามเมื่อต้องการให้เรือสูงๆแล่นผ่านไป-มา
London Eye
คงไม่มีวิธีใดที่จะเฝ้ามองกรุงลอนดอนในมุมสูงได้ดีไปกว่า การมองจากชิงช้าขนาดยักษ์สูงถึง 135 เมตรซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์
London Eye เปิดให้ผู้คนเข้าไปใช้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1999 เพื่อเฉลิมฉลองและต้อนรับสหัสวรรษใหม่ หรือ the new millennium ... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่นี่ได้กลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญแห่งใหม่ของกรุงลอนดอน ในปัจจุบัน London Eye เป็นชิงช้าที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
British Museum
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมีโบราณวัตถุที่เก็บไว้ที่นี่มากมาย ... รวมถึง หิน Rosetta มี่โด่งดัง มัมมี่โบราณของอียิปต์ และรูปปั้นเลื่องชื่อของกรีก
ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ย่อยๆและแกลเลอรี่อีกหลายแห่งในพื้นที่เดียวกัน ให้เดินชมและศึกษา คือ Natural History Museum, the Science Museum, the National Gallery, the Tate Modern and Tate Britain ... สามารถเข้าชมได้ฟรีค่ะ
St Paul's Cathedral
มหาวิหาร เซนต์ปอล ออกแบบโดย Christopher Wren เป็นวิหารในยุคศตวรรษที่ 17 เป็นเสมือนหนึ่งเพชรน้ำเอกแห่งวงการสถาปัตยกรรมของลอนดอน
ในช่วงระหว่างปี 1710 ถึง 1962 มหาวิหารแห่งนี้เป็นอาคารที่สูงที่สุดของเมือง และโดมของวิหารแห่งนี้ เป็นหนึ่งของโดมที่สูงที่สุดในโลก
The West End
หลังกลางวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการท่องเที่ยว ขอแนะนำให้คุณๆไปปลดปล่อยความเมื่อยล้า ด้วยการนั่งสบายๆดูการแสดงในใจกลางลอนดอน ณ อาณาเขตที่มากมายด้วยโรงหนัง โรงละครของเมือง
West End นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของการแสดง และชีวิตกลางคืนที่เปี่ยมสีสันในหลากหลายรูปแบบแล้ว ที่นี่ยังได้ชื่อว่า เป็นเขตที่มากด้วยร้านค้า และแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปอีกด้วย
Trafalgar Square
จตุรัส Trafalgar โด่งดังด้วยการมีเสา Nelson's Column อยู่ตรงกลางลาน เป็นจตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ชื่อของจตุรัส เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สู้รบที่สมรภูมิแห่ง Trafalgar อันเป็นส่วนหนึ่งของสงครามนโปเลียน ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1805's
จตุรัสแห่งนี้มักจะถูกใช้เป็นศูนย์รวมของผู้คนเมื่อเกิดเหตุการณ์ประท้วง หรือการรวมตัวของชุมชนจากทั่วประเทศอังกฤษ
Westminster Abbey
Westminster Abbey เป็นวิหารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ด้วยถูกใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีเษกสมรสและสมรสของเหล่าสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษมาแล้วถึง 16 ครั้ง รวมถึงเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ของราชวงศ์อังกฤษทุกพระองค์มาตั้งแต่ปี1066 AD
London's coolest hangouts
ลอนดอน เป็นแหล่งรวมของสถานบันเทิงฮิปๆ และสถานที่ที่เราสามารถไปนั่งชิลๆ ช้อปปิ้ง และดื่ม-กินได้อย่างสบายใจอยู่มากมาย ... ซึ่งปกติสถานที่เหล่านี้ต้องเข้าคิวนับชั่วโมงกว่าจะได้เข้าไปใช้บริการ
หลายแห่งเป็นแหล่งที่ผู้คนเลือกที่จะไปนั่งดื่ม-กิน ไปสัมผัสประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ที่เมืองแห่งนี้สรรหามาปรนเปรอผู้มาเยือน
Cool Places เป็นเว๊ปไซด์แห่งใหม่ที่ตั้งใจจะค้นหา รีวิว และแนะนำอังกฤษในแง่มุมของการเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด อันจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ... วันนี้ Cool Places ได้เลือกสถานที่ 12 แห่งเพื่อการดื่ม-กินและช้ปปิ้งสบายๆ ... ลองตามมาดูกันนะคะ
Boundary rooftop, Shoreditch
บาร์ ณ ชั้นบนสุดอันเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร Terence Conran นั้น มองแล้วเหมือนกับว่าน่าจะเป็นสถานที่ในใจกลางแมนฮัตตัน มากกว่าจะอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของลอนดอน
บรรยากาศของที่นี่ คงจะทำให้คุณอยากจะนั่งจิบค๊อกเทลสีสวย ในขณะที่รอดูแสงสีของอาทิตย์อัสดง และดวงสุริยันยามลับหายไปกับเหลี่ยมมุมของ Shoreditch ... ความจริงแล้วทิวทัศน์แบบ 360 องศาพาโนรามาจากที่นี่ คุณจะสามารถมองเห็น Canary Wharf, the Gherkin และ the Barbican ด้วยค่ะ
บาร์แห่งนี้อยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งที่ประดับประดาด้วยรูปปั้นในสวน มีต้นมะกอก และ bay trees เป็นส่วนประกอบ
Episode, Camden
ร้าน Episode เป็นร้านในฝันสำหรับขาช้อปเสื้อผ้าแนววินเทจและย้อนยุค ซึ่งมีเสื้อผ้าที่จะยั่วเย้ากระเป๋าของคุณให้สั่นคลอน ไม่ว่าจะเป็นยีนส์คลาสสิก Levi 501 กระโปรงดิสโก หรือเสื้อเชิ๊ต Austin Powers
ร้านขายของมือสองน่ารัก น่ารักร้านนี้ ใช้สไตล์ของป้ายยี่ห้อสินค้าของตัวเองคือ Episode บนเสื้อผ้าที่คนไม่ชอบแล้วด้วยค่ะ
26 Chalk Farm Road, Camden Town, NW1 8AG. Call 020 7485 9927 or visit www.episode.eu.
Food Lab, Islington
Part café เป็นร้านกึ่งๆภัตตาคารและร้านขายส่วนประกอบในการปรุงอาหาร Liliana Tamberi อดีตนักร้องชาวอิตาเลียนที่ตอนนี้หันเหเปลี่ยนอาชีพมาเป็นเชฟ เป็นเจ้าของร้าน Food Lab เธอชื่นชอบอาหารสไตล์ทัสคานี จึงปรุงอาหารแนวนนี้จำหน่าย
คุณต้องมาแต่เช้าเพื่อรับประทานอาหารเช้าเมนู eggs royale เมนูเด็ดของร้านที่มีคนชื่นชอบมากมาย .. ส่วนกลางวันก็แวะมาดื่มกาแฟ ซื้อพาสต้าอร่อยๆแล้วนำมานั่งทานที่โต๊ะด้านนอกในวันอากาศดีๆของฤดูร้อน เช่นในเวลานี้ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
56 Essex Road, Islington, N1 8LR. Call 020 7226 1001 or visit www.moodforfood.co.uk.
Hackney Attic, Hackney
Hackney Attic เป็นร้านดนตรีใหม่สุด ณ ชั้นบนของโรงหนัง Picturehouse .. หน้าต่างกระจกโค้งของร้าน ทำให้มองเห็นศาลากลาง และความเคลื่อนไหวของเมืองด้านล่างได้อย่างชัดเจน
พื้นที่ของร้านที่ทอดยาวนั้น เป็นที่ตั้งของบาร์และเวทีเล็กๆที่ใช้แสดงดนตรีแนวคันทรี แจ๊ส เร็กเก้ ลาติน และดนตรีอัฟริกัน ... อีกทั้งยังมีการแสดงแนวคอมโมดี้  มีดีเจเลือกเพลงเพื่อเปิดให้ฟัง ผสมผสานไปกับการเชิญแขกไปร่วมแจมบนเวทีในบางครั้ง หรือฉายหนังสนุกๆให้ดู
Hackney Picturehouse, 270 Mare Street, Hackney, E8 1HE. Call 0871 902 5734 or visit www.picturehouses.co.uk.
Mudlarking under the Millennium Bridge
Millennium Bridge, EC43PA
Mudlarking ใต้สะพาน Millennium Bridge มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18th และ 19th เมื่อครั้งที่คนจนๆในลอนดอนไปขุดคุ้ยค้นหาสิ่งของที่อาจจะตกหล่นอยู่แถวนั้น เพื่อนำไปขายเลี้ยงชีพ ... ที่นี่จึงเคยเป็นเหมือนสถานที่ที่ผู้คนไปหวีผมให้กับชายหาด (beachcombing)
หากคุณมาเดินเล่นที่นี่ในปัจจุบัน คุณอาจจะไม่เจออะไรมากนัก แต่ก็ยังอาจจะพบสิ่งของโบราณอายุหลายร้อยปีอย่างง่ายดาย ... แต่ต้องขอเตือนนะคะว่า อย่าลงมือขุดค้นเชียวนะ เพราะหากจะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องมีใบอนุญาติค่ะ และต้องเตรียมถุงมือประเภทใช้แล้วทิ้งเลยไปด้วยเยอะๆค่ะ
Stoke Newington Organic Farmers' Market, Stoke Newington
ตลาดของเกษตรกรที่หน้าวิหาร St Paul's แห่งนี้เจ๋งมากๆค่ะ และเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนที่นิยมการจับจ่าย
สินค้าแทบทุกอย่างที่วางขายมาจากฟาร์มไบโอ หรือฟาร์มแบบออร์กานิกเล็กๆ ... คุณจะเห็นภาพของผู้คนต่อคิวยาวหน้ารถคนขายเนื้อสัตว์ เพื่อรอซื้อไส้กรอกที่ฮิตฮ๊อต ... คนที่ชอบทานอาหารชีวจิต วุ่นวายอยู่กับการเลือกซื้อผักสดใหม่ตามฤดูกาลจากแปลงผัก ก่อนจะหย่อนผักที่ซื้อแล้วเหล่านั้นลงในถุงช๊อปปิ้งที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ... เครื่องเทศและผักสำหรับเมนูสลัดที่มีแหล่งปลูกจากเค้นท์และแอสเซ็ก ก็มีขายที่นี่ด้วยค่ะ
St Paul's Church, Stoke Newington High Street, Stoke Newington, N16. Visit www.growingcommunities.org.
Parliament Hill Lido, Hampstead
หากคุณไม่อยากจะเดินทางไกลๆเพื่อไปแช่น้ำร้อนที่ Hampstead Heath's แล้วละก็ การได้นั่งแช่น้ำในสระยาว 200 ฟุต กว้าง 90 ฟุตของที่นี่ ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบค่ะ
Gordon House Road, Hampstead, NW5 1QR. Call 020 7332 3773.
Paul A Young, Soho
ที่นี่ เป็นโชว์เคสของโซโหเชียวค่ะ เป็นสถานที่ ที่ Paul Young อดีตเชฟชื่อดังที่หันมาเอาดีทางการปรุงช๊อกโกแลตในแบบพิเศษๆตั้งร้านขายปลีก
หากแวะมาที่นี่ คุณจะมีโอกาสเลือกของหวานที่หน้าตาเย้ายวน ที่วางขายอยู่บนโต๊ะไม้กลางร้าน ... ของหวานบางชนิดถูกห่ออย่างพิเศษสุดเป็นชิ้นๆ แต่มีหลายชนิดที่วางเปลือยๆ เผยรูปลักษณ์สีน้ำตาลที่ยั่วยวนต่อมลิ้มรส น่ากินเป็นที่สุด
เมนูที่เยี่ยมยอดเป็นที่นิยมที่สุด เห็นจะเป็น sea-salted caramels, passion fruit และ vanilla ganache และต้องไม่พลาด Aztec Hot Chocolate และ the love-or-hate-it Marmite truffles.
143 Wardour Street, Soho, W18WA. Call 020 7437 0011 or visit www.paulayoung.co.uk.
Powder Room, Bethnal Green
Powder Room เป็นร้านสำหรับคนที่รักสวย รักงามในสไตล์รีโทร หรือวินเทจย้อนยุคนิดๆ
พนักงานต้อนรับของร้านนี้แต่งตัวในสไตล์ของยุค1950s ที่น่ารักมาก เป็นเครื่องแบบสีชมพูหวานๆ สวมหมวกเก๋ๆ ... สินค้ามีตั้งแต่ พัฟสำหรับแป้งทาหน้า ลิปติก และเครื่องสำอางอีกมากมาย นอกจากนี้ ที่นี่ยังให้บริการเสริมความงามแบบครบวงจร ทำเล็บ ทำผม ตัดแต่งขนคิ้ว
ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนน Columbia และมีลูกค้ามาเยือนเพื่อจับจ่ายกันอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่บริเวณนี้คึกคักสุดๆ ด้วยมีกิจกรรมของ Sunday flower market อีกทางหนึ่ง
136 Columbia Road, Bethnal Green, London E2 7RG. Call 0277291365 or visit www.thepowderpuffgirls.com
Bull & Last, Highgate
Bull and Last ยังคงคงสไตล์ Victorian boozer อย่างแท้จริง มี หัววัว เป็นสิ่งตกแต่งบนผนังในบาร์ที่เสริฟเครื่องดื่มแบบ real ales หลายรสชาติ
ที่นี่ มีชื่อในเรื่องของเมนูที่เลือกใช้เครื่องปรุงชั้นเลิศที่ดีที่สุดของอังกฤษ ที่จะทำให้วันสบายๆของคุณในลอนดอนสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ
168 Highgate Road, Dartmouth Park, NW5 1QS. Call 020 7267 3641 or visit www.thebullandlast.co.uk.
Open Kitchen, Hoxton
ภัตตาคารแห่งนี้สดใสด้วยเฟอร์นิเจอร์ของร้านในโทนสีเขียวและชมพู ดูดีมีสไตล์ เป็นร้านอาหารของบรรดานักศึกษาฝึกงานของสถาบัน London City Hospitality Centre
อาหารของร้านนี้มีทั้งรสชาติแบบบ้านๆสุดๆ ไปจนถึงรสชาติดีทีเดียว ... เครื่องปรุงที่ใช้มักจะเป็นของตามฤดูกาล หรือมาจากการแลกเปลี่ยน และมาจากแหล่งผลิตในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่
ที่นี่เปิดขายอาหารกลางวันและอาหารเย็น รวมถึงเปิดสอนการทำอาหารทั่วไปในช่วงกลางคืนด้วย และมีคลาสพิเศษในการทำขนมปัง การเตรียมปลา และทักษะในการใช้มีดแต่ละประเภท
40 Hoxton Street, Hoxton, N1 6LR. Call 020 7613 9590 or visit www.openkitchen.biz.
Violet Cakes, Hackney
Violet Cakes เป็นร้านที่คุณจะพบเห็นเค๊กที่หน้าตาสวยเลิศที่สุด อาทิเช่น คัพเค็กที่ท๊อปปิ้งด้วยไอซิ่งที่ดูน่ากิน พาย Amish whoopie pies ที่มีหลากหลายรสชาติ ทั้งรสน้ำกุหลาบ และถั่ว pistachio ... นอกจากนี้ยังมีขนมขบเคี้ยวอีกมากมาย เช่น ginger and molasses cake