1) เบอร์ลิน (Berlin)
ความหลากหลายและความน่าตื่นเต้น คุณสามารถหาได้ทั้งสองอย่างจากกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมัน และที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของเยอรมัน ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ แฟชั่น ดนตรี งานสถาปัติสุดอลังการ ที่เที่ยวกลางคืนสุดชิค คุณสามารถหาได้จากเมืองแห่งนี้ เดินลงมาทางถนน Unter den Linden ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์, โบสถ์, โอเปร่าเฮ้าส์ และที่สำคัญคือ ประตู Brandenburg ซึ่งเป็นประตูกั้นเยอรมันตะวันออก และ ตะวันตกในยุคที่ยังไม่รวมประเทศ ซึ่งประตูแห่งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการรวมเป็นปึกแผ่นของเยอรมันอีกด้วย อีกสิ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดของกรุงเบอร์ลินก็คือ The Jewish Museum ซึ่งได้รับเป็นมรดกโลกจากองการ UNESCO
2) ป่าดำ (Black Forest)
ป่าดำแห่งเยอรมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งจากความสวยงามของธรรมชาติ ป่าดำมีอาณาเขตทางตะวันตกติดกับแม่น้ำไรน์และตะวันออกติดกับพื้นที่ทำการเกษตรของชาวนา และมีอาณาบริเวณกว้างถึง 11,000 ตารางกิโลเมตร มีสถานที่สวยๆให้ไปเที่ยวมากมายตั้งแต่ภูเขาสูง ยัน ไร่องุ่น คุณสามารถมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า การปั่นจักรยาน หรือ เดินทางบนหลังม้าก็ทำได้ทั้งนั้น – เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน
ที่นี่คุณยังจะได้พบกับหมู่บ้านสปาน้ำแร่ ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลกอย่าง หมู่บ้าน Baden-Baden ซึ่งย้อนกลับไป 2000 ปี ทหารโรมันมาที่นี่ เพื่ออาบน้ำผ่อนคลาย เพราะเชื่อว่าน้ำแร่ของที่นี่สามารถรักษาแผลและอาการบาดเจ็บต่างๆได้ . . . ทุกวันนี้หมู่บ้าน Baden-Baden เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของคนรวย ฝรั่งเขาเรียกกันว่า เมืองหลวงน่าร้อนของยุโรป เพราะน้ำแร่ของที่นี่ผุดขึ้นมาจากตาน้ำทั้ง 12 แห่งรอบๆบริเวณ ทำให้น้ำที่นี่มีแร่ธาตุสูง แต่การจะมาที่นี่ก็ใช้ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยหละครับ
3) ปราสาทไฮเดลเบิร์กและสะพานเมือง (Heidelburg castle and Old Town Bridge)
ปราสาทไฮเดลเบิร์ก บางส่วนถูกทำลายไปบ้าง แต่ปราสาทแห่งนี้ยังคงความขลัง ตามแบบฉบับปราสาทสไตล์ยุโรป ซึ่งที่นี่เป็น 1 ใน landmark ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมัน . . . แต่ก่อนถูกสร้างให้เป็นป้อมปราการ (ประมาณ ค.ศ. 1300) ต่อมาปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นปราสาทที่พำนักของพระเจ้าฟรีดิช Freidrich . . . อย่าลืมที่จะเยี่ยมชม ที่ผิงไฟสไตล์ Renaissance ที่สวยงามในส่วนปีก Ruprecht, โบสถ์ประจำปราสาท, สวน Hortus Palarnnus (สวนแห่งนี้ไม่เคยสร้างเสร็จ แต่ก็เคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 8 มหัศจรรย์ของโลกมาแล้ว) ส่วนนอกปราสาทไปไม่ไกลก็มีสะพานประจำเมือง ที่สวยงาม เก่าแก่ และมีวิวสวยๆ เหมาะให้ไปเดินเล่น ดูวิว พักผ่อน สุดๆ – เที่ยวเยอรมัน
4) เมืองโคโลญจน์ (Cologne)
มหาวิหารโคโลญจน์เป็นมหาวิหารสไตล์ Gothic ที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่า สถาปัตยกรรมของที่นี่มีความสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่กระจกก็ถูกสร้างและออกแบบอย่างปราณีตโดยจิตรกรเอกของเยอรมัน Gerhard Richter
เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ โรงหนัง โรงละคร และร้านอาหารและบาร์ . . . ถ้าคุณมาที่เมืองโคโลญจน์อย่าลืมมาที่ Alter Market และ Heaumarkt Squares ซึ่งที่นี่คุณสามารถให้พนักงานเสิร์ฟ refill เบียร์ได้เรื่อยๆ >.< (อยากไป) คุณสามารถดื่มจนเมาปลิ้นเท่าไหร่ก็ได้ . . . ที่เมืองนี้มีเทศกาลเฉลิมฉลอง 5 ฤดู ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่เดือน พฤษจิกายนเป็นต้นไป นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมี Chocolate Museum เอาไว้เอาใจคนรักของหวานโดยเฉพาะ ที่พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลตมี 3 น้ำพุช็อคโกแลต ซึ่งคุณสามารถเอาวัฟเฟิลไปจุ่มกินได้ แถมยังมีประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆเกี่ยวกับช็อคโกแลตที่มีมากว่า 3000 ปี อีกด้วย
5) ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein castle)
เคยดูซินเดอเรลลาไหม ถ้าเคย ลองนึกภาพปราสาทในการ์ตูนดูนะครับ . . . ปราสาทนอยชวานชไตน์ ก็คล้ายๆกับในการ์ตูนนั่นแหละ แบบว่า สวยงาม แฟนตาซีสุดๆ ปราสาทแห่งนี้อยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Bavaria ซึ่งปราสาทแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ Walt Disney สร้างปราสาทต่างๆในการ์ตูนของเขาให้มีลักษณะคล้ายกับปราสาทนอยชวานชไตน์ . . . ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างโดย พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ในศตวรรตที่ 19 เอาไว้เป็นสถานที่สำหรับการลี้ภัยหลังจากเสียบันลังก์แห่งแคว้นบาวาเลีย ซึ่งเขาก็อาศัยอยู่ในปราสาทสุดสวยแห่งนี้ จวบจนวาระสุดท้าย ซึ่งก็ดูจะไม่แย่นักเพราะเขามีบริวารมากมาย อยู่อย่างสุขสบาย จนวาระสุดท้ายของชีวิต
6) ไบรอยท์ (Bayreuth)
ทุกๆปีที่ไบรอยท์จะจัดเทศกาลของ Richard Wagner นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งในปี 2013 ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และ อลังการกว่าที่ผ่าน เพราะเป็นวันครบ 200 ปี วันเกิดของ Richard Wagner . . . ซึ่งในทุกๆปีที่นี่จะจัดคอนเสิร์ต 8 ครั้งด้วยกัน โดยมีนักดนตรีคลาสสิคชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วม
แต่ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่แฟนตัวยงของดนตรีคลาสสิค แต่คุณก็ไม่มีทางจะผิดหวังจากความอลังการของสถาปัต และ งานศิลป์ ยุคศตวรรตที่ 18 บนฝาพนังของโรงโอเปร่ายักษ์แห่งนี้อย่างแน่นอน (นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็น 1 ในโรงหนังสไตล์บาโรคที่สวยที่สุดของทวีปยุโรปเลยหละครับ)
7) หุบเขาส่วนกลางตอนเหนือของแม่น้ำไรน์ (The Upper Middle Rhine Valley)
ปราสาท คฤหาสน์ และ สวนองุ่น เรียงรายล้อมกันอยู่ในเวิ้งของหุบเขากลางของแม่น้ำไรน์ หรือ The Upper Middle Rhine Valley ซึ่งได้รับรางวัลให้เป็นมรดกโลกจากองการค์ UNESCO. . . วิวสวยๆของหุบเขาแห่งนี้เริ่มตั้งแต่เมืองโรมัน Koblnez ผ่านไปยังโขดหิน Loreley จุดที่แคบที่สุดของแม่น้ำ . . . ในอดีตว่ากันว่ามีพรายน้ำชื่อ Loreley ทำการร้องเพลงชักชวนกลาสีให้เข้าไปติดกับชนโขดหินและเรือร่มเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนั้นหุบเขาแห่งนี้ยังมีเมืองแสนสวยอย่าง Bingen และ Rudesheim แถมด้วยไร่องุ่นมากมายเรียงรายกันให้วิวแสนสวยที่หาไม่ได้จากที่ไหนเลยแหละครับ
8) มิวนิก (Munich)
มิวนิกเป็นเมืองหลวงของเขต Bavaria เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตนี้เช่นกัน เต็มไปด้วย สถานที่ทางวัฒนธรรมและศาสนา และที่สำคัญเบียร์การ์เด้น ซึ่งชาวเยอรมันเรียกเบียร์การ์เด้นว่า cellar (แปลว่า ห้องใต้ดิน) เพราะว่าดั้งเดิมนั้น ผู้ที่จำหน่ายเบียร์จะขายเบียร์ของเขา ใกล้กับทางขึ้นที่หมักเบียร์ใต้ดิน
ในทุกๆฤดูใบไม้ร่วงจะมีเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือที่เรียกว่า The Oktoberfest จัดขึ้นที่เมืองมิวนิก ซึ่งจะมีแบรนด์เบียร์ดังๆจากทั้งในเยอรมันและนานาชาติเข้าร่วมมากมาย . . . เขตสำคัญของที่นี่ก็คือ Marienplatz ซึ่งคุณจะพบกับสถานที่สำคัญอย่าง Town Hall และ ตึก St. Mary ซึ่งเหมาะเป็นสถานที่แรกที่จะมาเยือนหากมาที่มิวนิก . . . ต่อมาเป็น The Deutschse Museum ซึ่งเป็น 1 ในทีจัดงานเทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งแน่นอนมีรถใหมๆมากมายทั้ง BMW และ Mercedes เข้าร่วมเทศกาล ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและรถต้องชอบเทศกาลนี้แน่ๆ
9) ทะเลสาปโบเดนเซ (Lake Constance)
วิวของเทือกเขาแอลป์จากทะเลสาปโบเดนเซจะทำให้คุณต้องตะลึงในความสวยงามของบรรยากาศ ทะเลสาปนี้มีอาณาเขตติดสามประเทศก็คือ สวิส ออสเตรีย และ เยอรมัน ซึ่งคุณสามารถจะ เล่นเรือใบ วินเซิร์ฟ วายน้ำ หรือพายเรือเล่น ก็ได้ ถ้าหากอยากไปชมวิวสวยๆบนเกาะ กลางทะเลสาปทั้ง 3 ก็ทำได้เช่นกัน ในบริเวณทะเลสาปโบเดนเซมีอะไรให้ค้นหามากมาย เช่น วิวเมืองสวยๆของเมือง และ หมู่บ้าน รวมไปถึงปราสาทหลายหลังที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาป เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของเยอรมันที่น่ามาเยือนเป็นอย่างยิ่ง
10) ภูเขา Zugspitze
ถ้าหากการดูวิวจากทะเลสาปโบเดนเซทำให้คุณรู้สึกฟินแล้วหละก็ ถ้าคุณไปบนภูเขา Zugspitze รับรองว่าต้องฟินยิ่งกว่าเดิมแน่นอน เพราะภูเขาแห่งนี้มีความสูงที่สุดในเยอรมัน (ที่สุดสูงสุดนั้น มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 3 กิโลเมตรเลยทีเดียว) ด้วยวิวสุดสวยแบบ พาโนราม่า 360 องศา คุณสามารถมองเห็นได้มากกว่า 400 ภูเขา ของหลายประเทศทั้ง เยอรมัน, ออสเตรีย, อิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์ และด้วยหิมะซึ่งตกรวมกัน 7 เดือนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเล่น สกี สโนบอร์ด และกิจกรรมอื่นๆอีกมายมาก คุณสามารถมาเที่ยวได้แบบวันเดียวจบแล้วกลับ หรือจะพักที่หมู่บ้าน Igloo ก็ได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น