วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

10 อันดับประเทศที่ "อากาศดี" ที่สุดในโลก

1. สาธารณรัฐมอลตา


มอลตา ประเทศที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก สาธารณรัฐมอลตา เป็นประเทศหมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของยุโรป  โดยอยู่ห่างจากเกาะซิซิลีของประเทศอิตาลีราว 60 ไมล์ สภาพอากาศที่มอลตาถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป มีอุณหภูมิเฉลี่ย 21 องศาเซลเซียส ในเวลากลางวัน มีแสงแดดเฉลี่ยประมาณวันละ 5 ชั่วโมง ขณะที่หลายประเทศในยุโรปมีหิมะตกหนัก แต่มอลตากลับแทบไม่เคยได้สัมผัสหิมะเลย ที่มอลตาอาจมีฝนตกหนักบ้างบางช่วง แต่มักเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
2. สาธารณรัฐเอกวาดอร์


เอกวาดอร์ อยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ตั้งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร พรมแดนทางตอนเหนือจรดโคลัมเบีย ทางตะวันออกและทางใต้ติดกับประเทศเปรู และมีชายฝั่งทางตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยความที่ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร เอกวาดอร์ จึงได้รับแสงแดดแบบเต็มๆ ถึงวันละ 12 ชั่วโมง ตลอดปี แต่เนื่องจากเอกวาดอร์มีสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกัน 3 ลักษณะ คือมีทั้งที่เป็นภูเขา ป่าฝน และพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ดังนั้นในแต่ละพื้นที่จึงมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน เช่น กิโต้ เมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 9,350 ฟุต (2,849 เมตร) เป็นเมืองหลวงที่อยู่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีสภาพอากาศเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 24 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน และ 10-13 องศาเซลเซียสในช่วงเวลากลางคืน
 3. สาธารณรัฐเม็กซิโก


ประเทศเม็กซิโก ทิศเหนือติดสหรัฐฯ ทิศใต้ติดกัวเตมาลาและเบลิซ ทิศตะวันออกติดอ่าวเม็กซิโกและทะเลแคริบเบียน ส่วนทิศตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิกและอ่าวแคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก มีสภาพอากาศที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสูงของพื้นที่ กระแสลม และกระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณชายฝั่งของเม็กซิโกมีภูมิอากาศแบบเขตร้อน ส่วนพื้นที่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 900 เมตรขึ้นไป จะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยของเม็กซิโกจะอยู่ที่ประมาณ 40 นิ้ว และในบางช่วงของปีพื้นที่บริเวณอ่าวเม็กซิโก รวมถึงบริเวณชายฝั่งทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิกอาจมีพายุเฮอร์ริเคนเกิดขึ้นได้ ส่วนในบางพื้นที่แถบบาฮา และทางตอนเหนือของประเทศกลับแทบไม่มีฝนตกเลยตลอดทั้งปี
  4. สาธารณรัฐโคลัมเบีย


เนื่องจากประเทศโคลัมเบีย ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร สภาพอากาศโดยทั่วไปจึงมีลักษณะร้อนชื้นและมีอุณหภูมิคงที่ตลอดทั้งปี หากจะมีอุณหภูมิแตกต่างไปจากเดิมบ้าง เพราะมีสาเหตุอันเนื่องมาจากฝนตกนั่นเอง ระดับอุณหภูมิของโคลัมเบียจะเริ่มตั้งแต่ร้อนมากบนพื้นที่ระดับน้ำทะเล และจะค่อยๆ มีอุณหภูมิต่ำลงบนพื้นที่ที่อยู่สูงขึ้นไป โดยพื้นที่ทางด้านตะวันออกของชายฝั่งทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิก จะมีอุณหภูมิและความชื้นสูงตลอดทั้งปี มีปริมาณน้ำฝนต่อปีโดยเฉลี่ย 40 นิ้ว ส่วนพื้นที่บนภูเขาอากาศจะเย็นลงโดยมี ลม ระดับความสูง และลักษณะภูมิประเทศเป็นตัวแปรที่สำคัญ
 5. ประเทศออสเตรเลีย


ประเทศออสเตรเลีย ประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย รวมถึงเกาะอื่นๆ ในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ออสเตรเลีย มีหลายสภาพอากาศ แต่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและทุรกันดาร มีขนาดทะเลทรายรวมกันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา พื้นที่ราว 40% จึงถูกปกคลุมด้วยเนินทราย จะมีเพียงดินแดนทางตอนใต้ด้านตะวันออกและตะวันตกเท่านั้นที่อากาศเย็นและมีผืนดินค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียมีแดดออกโดยเฉลี่ยมากกว่า 3,000 ชั่วโมง/ปี โดยในช่วงฤดูร้อน (ธ.ค.-มี.ค.) จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย29 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงฤดูหนาว (มิ.ย.-ส.ค.) อุณหภูมิเฉลี่ยที่ 13 องศาเซลเซียส
  6. ประเทศอุรุกวัย


อุรุกวัย เป็นประเทศเล็กๆ ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ มีสภาพอากาศแบบกึ่งร้อนและชื้นในบางพื้นที่ มีฝนตกบ้างประปราย สภาพอากาศของอุรุกวัยในแต่ละพื้นที่ไม่แตกต่างกันมากนัก และเนื่องจากประเทศนี้ไม่มีภูเขาจึงทำให้มีกระแสลมพัดผ่านมาจากภูมิภาคอื่น  เช่น ในช่วงฤดูร้อนอากาศจะอุ่นถึงร้อน เพราะได้รับอิทธิพลของลมร้อนที่พัดมาจากประเทศบราซิล ส่วนในช่วงฤดูหนาวอากาศจะเย็นถึงหนาว จากกระแสลมที่พัดมาจากขั้วโลกเป็นตัวแปรสำคัญ ปกติ อุรุกวัย ไม่มีหิมะ แต่เคยมีหิมะตก 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ ไม่เคยเกิดเฮอร์ริเคน สึนามิ แผ่นดินไหว และไม่มีสภาพอากาศที่หนาวจัด จึงสามารถเดินทางไปเยือนได้ตลอดเวลา ช่วงที่มีอากาศดีที่สุด คือ เดือนกันยายน-เมษายน ในช่วงฤดูร้อน อุรุกวัยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 22 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 11 องศาเซลเซียส
  7. สาธารณรัฐอาร์เจนตินา

อาร์เจนตินา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสภาพอากาศหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่กึ่งร้อน กึ่งอบอุ่น ฝนตกชุก ไปจนถึงหิมะตก โดยตอนเหนือของประเทศจะมีลักษณะอากาศแบบกึ่งร้อน ขณะที่ตอนกลางอากาศจะร้อนชื้น ส่วนทางตอนใต้ของประเทศจะมีสภาพอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะบริเวณตอนใต้สุดของประเทศ ซึ่งจะมีลักษณะอากาศแบบแอนตาร์กติก คืออากาศแบบแห้ง เป็นน้ำแข็งตลอดทั้งปี และที่น่ามหัศจรรย์คือ ในช่วงกลางของฤดูหนาว (เดือนมิถุนายน) จะเกิดปรากฏการณ์ “ซาน ควน ซัมเมอร์” คือ สภาวะอุณหภูมิสูงขึ้นผิดปกติเสมือนเป็นฤดูร้อนประมาณ 3-7 วัน ชาวอาร์เจนตินาจึงมักพากันออกมานอนอาบแสงแดดอันร้อนแรง ณ บริเวณจตุรัสใจกลางเมือง ทั้งๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงกลางฤดูหนาว
  8. สาธารณรัฐแอฟริกาใต้


สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีหลายสภาพภูมิอากาศเช่นกัน นับตั้งแต่สภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ กึ่งร้อนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปจนถึงอากาศหนาวเย็นบริเวณที่ราบสูงตอนใน และสภาพอากาศแบบทะเลทรายทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ แต่โดยรวมพื้นที่ส่วนใหญ่ของแอฟริกาใต้จะมีอากาศแบบอบอุ่น แดดร้อนในตอนกลางวัน อากาศเย็นในยามค่ำคืน และมีฝนตกในช่วงฤดูร้อน (พ.ย.-มี.ค.) ขณะที่บริเวณตอนล่างทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ แถบเมืองเคปทาวน์กลับมีฝนตกในช่วงฤดูหนาว (มิ.ย.-ส.ค.) สภาพอากาศทางตอนเหนือและใต้ของประเทศแอฟริกาใต้มักไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 17 องศาเซลเซียส และ 17.5 องศาเซลเซียส
  9. สาธารณรัฐอิตาลี


อิตาลี มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ร้อยละ 75 เป็นภูเขาและที่ราบสูง อิตาลี เป็นหนึ่งประเทศในแถบยุโรปที่มีอากาศดี แต่สภาพอากาศจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในแต่ละพื้นที่ บริเวณที่มีอากาศดีที่สุดในช่วงฤดูหนาว คือ แถบชายฝั่งอามัลฟี หรือที่เรียกว่า “อิตาเลี่ยน ริเวียร่า”รวมทั้งที่หมู่เกาะซิซิลีและซาร์ดิเนีย เพราะบริเวณดังกล่าวอากาศจะไม่หนาวมาก และไม่มีฝนตกหนัก ส่วนในช่วงฤดูร้อน ยิ่งลงไปทางตอนใต้ของประเทศมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นปูเกลีย ซึ่งจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียสในเดือนสิงหาคม
  10. สาธารณรัฐฝรั่งเศส


โดยทั่วไป ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีอากาศเย็น แต่ก็มีสภาพอากาศที่หลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงฤดูหนาวอยู่ที่ 0-7 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 16-24 องศาเซลเซียส สำหรับเมืองที่อยู่ตอนกลางและค่อนไปทางเหนืออย่าง กรุงปารีส นั้น จะมีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นและมักมีฝนตก แต่อากาศจะค่อนข้างร้อนในช่วงฤดูร้อน ส่วนพื้นที่ในแถบตะวันออกอย่างแคว้นอัลซาซ แคว้นลอร์แรน รวมถึงบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาปีเรเนส์ และที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราล จะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดในช่วงฤดูหนาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น