วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลโลกครั้งที่ 1

ฟุตบอลโลกครั้งที่ 1 ( ฟุตบอลโลก 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย )

ฟุตบอลโลก 1930 เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรก จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย ในปี พ.ศ. 2473 โดย ทีมชาติอุรุกวัย ชนะอาร์เจนตินา 4 -2 การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งโดยไม่มีการคัดเลือกทีมเข้าเล่น ประเทศที่เข้าร่วมเป็นประเทศที่ได้รับเชิญและเป็นส่วนหนึ่งของฟีฟ่า ในขณะนั้น ในขณะเดียวกันเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มีค่าสูง ทำให้หลายประเทศในทวีปยุโรปไม่ได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ทำให้ประธานของฟีฟ่า ชูลส์ รีเมต์ ร่วมกับรัฐบาลของอุรุกวัย ได้สัญญาจะจ่ายค่าเดินทางทั้งหมดให้กับทีมที่มาจากทวีปยุโรป ในที่สุดทีมจากยุโรป 4 ทีม ได้แก่ เบลเยียม ฝรั่งเศส ยูโกสลาเวีย และ โรมาเนีย ได้เดินทางทางทะเลเป็นเวลาสามอาทิตย์มาที่ประเทศอุรุกวัย การแข่งขันในครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็น 4 สาย A B C และ D โดยสาย A มีอยู่ 4 ประเทศ ขณะที่สายอื่นมี 3 ประเทศ ผู้ชนะในแต่ละสายจะมาแข่งกัน
จุดเริ่มต้นของศึกฟุตบอลโลกหนแรกของโลก ระเบิดขึ้นบนดินแดนละตินอเมริกาของ อุรุกวัย ในปี 1930 โดยมีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเพียง 13 ทีม และในศึกเวิลด์ คัพ หนนี้ไม่มีการเตะรอบคัดเลือก แต่อย่างใด ฝ่ายอุรุกวัย เจ้าภาพทำการเชื้อเชิญทีมต่างๆ มาร่วมโม่แข้งแทน ผลปรากฏว่ามีเพียง 4 ทีมจากยุโรปเท่านั้น ที่ยินยอมตอบรับคำเชิญ เนื่องจากหลายประเทศต้องเดินทางไกลมาก แต่ อุรุกวัย ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งแรกนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก หรือคำยืนยันว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้กับทุกทีมที่เดินทางมาร่วมแข่งขัน และยิ่งไปกว่านั้น สนาม เซนเตนาริโอ ในกรุงมอนเตวิเดโอ ซึ่งสามารถรองรับแฟนฟุตบอลได้ร่วม 1 แสนชีวิต คือ สังเวียนแข้งแห่งใหม่ เพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของวงการฟุตบอลอุรุกวัยอีกด้วย
เกมการแข่งขันนัดเปิดสนาม เมื่อวันที่ 13 ก.ค. เริ่มขึ้นด้วยความทุลักทุเล แต่ ฝรั่งเศส ภายใต้การสนับสนุนของ จูลส์ ริเม่ต์ ประธานฟีฟ่าชาวเมืองน้ำหอม ก็สามารถถล่มเอาชนะ เม็กซิโก ไปได้อย่างสบาย 4-1 โดย ลุกแซง โลร็องต์ ถูกจารึกว่าเป็นผู้ทำประตูแรกในประวัติศาสตร์ของศึกฟุตบอลโลก
อย่างไรก็ตามในกลุ่ม เอ อาร์เจนตินา กลับเป็นทีมที่สร้างผลงานได้ดีที่สุด ด้วยการเอาชนะทั้งฝรั่งเศส และชิลี โดยเฉพาะเกมที่พบกับ เม็กซิโก นั้น ได้มีชายที่ชื่อ กิลเยร์โม่ สตาบิเล่ กลายเป็นฮีโร่ของทีมฟ้า-ขาว เมื่อสามารถทำแฮตทริกได้เป็นคนแรกในการแข่งขัน รวมทั้งในศึกฟุตบอลโลกด้วย ทำให้ อาร์เจนตินา กลายเป็นแชมป์กลุ่มอย่างง่ายดาย
ส่วน กลุ่ม บี ยูโกสลาเวีย เข้ารอบรองชนะเลิศไปอย่างสบาย เมื่อเอาชนะทั้ง บราซิล และโบลิเวีย ขณะที่กลุ่ม ซี มาริโอ เดอ ลาส คาซาส กัปตันทีมของ เปรู กลายเป็นนักเตะคนแรกที่โดนไล่ออกจากสนาม เมื่อไปเตะ สเตเนอร์ แบ๊กขวาของโรมาเนียจนขาหัก แต่ อุรุกวัย เจ้าภาพก็อาศัยความได้เปรียบเข่นเอาชนะทั้ง 2 ทีมไปได้อย่างไม่ยากเย็น ขณะที่ สหรัฐอเมริกา กลายเป็นม้ามืดของการแข่งขัน เมื่อเอาชนะ เบลเยียม และปารากวัย ไปได้ 3-0 ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับการคาดหมายว่าจะมีโอกาสเข้ารอบเลย สำหรับรอบ 4 ทีมสุดท้าย ทีมฟ้า-ขาว โชว์เพลงแข้งที่เหนือกว่า ถล่มเอาชนะ สหรัฐฯ ไปอย่างท่วมท้น 6-1 ส่วน นักเตะจอมโหด เจ้าภาพ ก็อัดยูโกสลาเวีย ไป 6-1 เช่นกัน
รอบชิงชนะเลิศในศึกเวิล์ด คัพ หนแรก กลายเป็นแมตช์รีเพลย์ของฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 1928 เพราะ อุรุกวัย มาเจอกับ อาร์เจนตินา อีกครั้ง และแม้ว่า นักเตะฟ้า-ขาว จะเล่นได้ดีกว่า แต่ทีมจอมโหด ก็พลิกสถานการณ์ในครึ่งหลัง กลับมาเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้อย่างตื่นเต้น 4-2 ส่งผลให้อุรุกวัย กลายเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ สตาบิเล่ ก็ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด เมื่อซัดไป 8 ประตู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น